Sunday, May 19, 2024
spot_img
Home Blog Page 4

แอลจีเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2024 ผลักดันธุรกิจด้วยนวัตกรรม พร้อมรักษาสมดุลระหว่างธุรกิจหลักและการเติบโตในอนาคต เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ

0

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ จำกัด หรือแอลจี ประกาศรายได้รวมช่วงไตรมาสแรกในปี 2567 อยู่ที่ 21.09 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 5.67 แสนล้านบาท) และมียอดกำไรผลประกอบการอยู่ที่ 1.33 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท) โดยธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านยังครองความเป็นผู้นำในระดับโลก ด้วยการสร้างสถิติใหม่ในแง่ยอดรายได้และกำไรจากผลประกอบการเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ในขณะที่ธรุกิจชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า EV ซึ่งเป็นธุรกิจหลักในการผลักดันการเติบโตในอนาคตของแอลจียังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มธุรกิจโทรทัศน์และกลุ่มธุรกิจโซลูชันสำหรับธุรกิจยังคงมียอดขายเติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว และยังสร้างผลกำไรเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้า

แอลจีสามารถทำกำไรจากผลประกอบการได้สูงกว่า 1 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท) ติดต่อกันเป็นปีที่ห้า และได้แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินการที่แข็งแกร่งท่ามกลางสภาพการแข่งขันในตลาดที่เข้มข้น โดยบริษัทได้ให้ความสำคัญกับธุรกิจด้านคอนเทนท์ บริการ และการขายตรงกับลูกค้าผ่านร้านค้าออนไลน์ (OBS) ซึ่งส่งผลให้เกิดการเติบโตอย่างมีคุณภาพ

ในส่วนของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและโซลูชันเครื่องปรับอากาศของแอลจี ยังสามารถสร้างรายได้ในช่วงไตรมาสแรกได้ที่ 8.6 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.3 แสนล้านบาท) และสร้างกำไรผลประกอบการได้ที่ 940.3 พันล้านวอน (หรือประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท) ซึ่งได้สร้างยอดการเติบโตให้แก่รายได้อย่างมีนัยสำคัญที่ 7.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และสร้างสถิติใหม่ในแง่ของผลประกอบการช่วงไตรมาสแรกของแอลจี

ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ของแอลจี มียอดรายได้ในไตรมาสแรกคิดเป็นมูลค่า 2.66 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ  7.2 แสนล้านบาท) โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 52 พันล้านวอน (หรือประมาณ 1.4 พันล้านบาท)  โดยนับเป็นสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น 11.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และยังมีการเปลี่ยนแปลงยอดสั่งซื้อผลิตภัณฑ์คงค้างสู่การเป็นรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย แม้ว่าจะมีการลงทุนด้านการสร้างฐานผลิตในต่างประเทศเพื่อตอบสนองจำนวนคำสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้นและตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับจ้างผลิตสินค้า (OEMs) ทางบริษัทยังสามารถรักษาผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการขยายตัวของรายได้

ด้านกลุ่มธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีมูลค่าผลประกอบการอยู่ที่ 3.49 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 9.4 แสนล้านบาท)  โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงาน 132.2 พันล้านวอน (หรือประมาณ 3.6 พันล้านบาท) และคิดเป็นสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น 4.2 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นของกำไรผลประกอบการนี้ขับเคลื่อนโดยการฟื้นตัวของความต้องการผลิตภัณฑ์โทรทัศน์ในทวีปยุโรปประกอบกับการประสบความสำเร็จของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในปี 2567 และจากผลการประกอบธุรกิจที่แข็งแกร่งของธุรกิจแพลตฟอร์ม webOS คอนเทนต์และการบริการรวมไปถึงการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางดั้งเดิม

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าความต้องการในตลาดโทรทัศน์จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง โดยแอลจีมีกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นไปที่การยกระดับผลิตภัณฑ์ทีวีที่เป็นผู้นำในตลาดระดับโลกอย่างทีวี OLED และทีวีพรีเมียมอย่างทีวี LCD QNED และจะยังมุ่งทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ผ่านธุรกิจแพลตฟอร์ม WebOS ซึ่งมีความพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ในขณะที่กลุ่มธุรกิจโซลูชันธุรกิจ มีผลประกอบการในไตรมาสแรกคิดเป็นมูลค่า 1.57 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 4.2 แสนล้านบาท)  และได้รับกำไรจากการดำเนินธุรกิจอีก 12.8 พันล้านวอน (หรือประมาณ 3.4 พันล้านบาท)  โดยคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น 6.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยการเปิดตัวของแล็ปท็อป LG Gram ที่เพิ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ในช่วงการจบการศึกษาและการสมัครเข้าเรียนของนักเรียนนั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ การจำหน่ายสินค้ากลุ่มจอแสดงผลเชิงพาณิชย์ อันประกอบไปด้วย กระดานไวท์บอร์ดไฟฟ้าและป้าย LED ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน

ในปีนี้ มีการคาดการณ์ว่าความต้องการสินค้าของตลาดไอทีในภาพรวมจะยังเท่ากับปีที่ผ่านมา แต่จะมีการเติบโตเล็กน้อยในกลุ่มผลิตภัณฑ์จอแสดงผลเชิงพาณิชย์ โดยความต้องการสินค้าไอทีระดับไฮเอนด์อย่างจอมอนิเตอร์สำหรับเล่นเกมส์ และป้าย LED จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งแอลจีเดินหน้าที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดด้วยกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าไอทีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ผ่านการผสานฟีเจอร์สำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะและหน้าจอแสดงผล OLED รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จอ LED ระดับพรีเมียมอื่น ๆ โดยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ ที่น่าสนใจในด้านหุ่นยนต์และการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้านี้จะช่วยผลักดันโอกาสการเติบโตในอนาคต

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 02-057-5757

นีเวีย จับมือ วัตสัน ชวนแชร์พลังใจ ส่งต่อความห่วงใยแก่ผู้ป่วยมะเร็ง

0

นายเขมชาติ เติมวิวัฒน์ (ซ้าย) หัวหน้าฝ่ายขาย ผลิตภัณฑ์นีเวีย ประเทศไทย พร้อมด้วย นางนิตชา เซเร (ขวา) Trading Controller and Sustainability Committee วัตสัน ประเทศไทย และนางสาวศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ (กลาง) ประธานมูลนิธิ เครือข่ายมะเร็ง เปิดโครงการ“ชวนแชร์ ส่งต่อความห่วงใยสร้างพลังใจแก่ผู้ป่วยมะเร็ง” (Supporting Moment of Care) เพื่อแสดงถึงจุดยืนที่ต้องการต่อยอดจากนโยบายของบริษัท ไบเออร์สด๊รอฟ จำกัด ประเทศเยอรมนี เจ้าของแบรนด์นีเวีย ที่ต้องการช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ป่วยและครอบครัวของผู้ป่วยมะเร็งทุกประเทศในอาเซียน

นีเวีย ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับโลก ที่ได้รับความไว้วางใจในการดูแลผิวจากคนไทยมากว่าสามสิบปี ร่วมกับ วัตสัน ประเทศไทย ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงาม ส่งต่อกำลังใจแก่ผู้ป่วยมะเร็งในโครงการ “ชวนแชร์ ส่งต่อความห่วงใยสร้างพลังใจแก่ผู้ป่วยมะเร็ง” (Supporting Moment of Care) เพื่อแสดงถึงจุดยืนที่ต้องการต่อยอดจากนโยบายของบริษัท ไบเออร์สด๊รอฟ จำกัด ประเทศเยอรมนี เจ้าของแบรนด์นีเวีย ที่ต้องการช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ป่วยและครอบครัวของผู้ป่วยมะเร็งทุกประเทศในอาเซียน

“มะเร็ง” โรคที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประชากรทั่วโลก และการดูแลไม่ใช่เพียงการรักษาทางการแพทย์ แต่ยังรวมถึงการดูแลและการแสดงถึงความเข้าใจและห่วงใย ลูกค้านีเวียและวัตสัน สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพลังใจให้แก่ผู้ป่วยได้เข้าถึงการดูแลสุขภาพใจควบคู่ไปกับการรักษาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าได้แล้ว เพียงซื้อผลิตภัณฑ์นีเวีย ทั้งทางช่องทางออนไลน์ และหน้าร้านวัตสันทุกสาขาทั่วประเทศ  ตั้งแต่วันนี้ถึง 22 พฤษภาคม 2567 โดยทุก 1 ชิ้น นีเวีย บริจาค 1 บาท ให้แก่มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง เพื่อใช้ในกิจกรรมการดูแลและสนับสนุนผู้ป่วยมะเร็งและครอบครัวให้ตระหนักรู้และเข้าใจโรคมะเร็ง สามารถดูแลรักษาตนเองได้อย่างถูกต้อง รวมถึงกิจกรรมที่สร้างกำลังใจให้ผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ให้มีแรงใจสามารถต่อสู้กับโรคมะเร็งต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง

นายเขมชาติ เติมวิวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายขาย ผลิตภัณฑ์นีเวีย ประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการนี้ นอกจากจะเป็นบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงพันธกิจ Care Beyond Skin ของเราว่าเป็นมากกว่าแค่การส่งมอบผลิตภัณฑ์ดูแลผิวคุณภาพเยี่ยม แต่ยังเป็นหนึ่งในปฏิญาณและภารกิจระดับโลกของ ไบเออร์สด๊อรฟ ซึ่งสอดรับกับนโยบาย “ภาวะเจ็บป่วยรุนแรง” ที่เป็นสวัสดิการให้แก่พนักงานของ ไบเออร์สด๊อรฟ ทั่วโลก และต่อยอดสู่เพื่อนร่วมสังคมในระดับอาเซียนและประเทศไทย เพราะเราไม่ต้องการดูแลแค่ผิวกายภายนอกเท่านั้น แต่เรามุ่งหวังที่จะช่วยดูแลถึงจิตใจ โดยเฉพาะช่วงเวลาเจ็บป่วย และเผชิญโรคร้าย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต้องการพลังใจ รวมทั้งอยากได้ความห่วงใยและความเข้าใจจากคนรอบตัว เราขอขอบคุณพันธมิตรอันดีของเราอย่าง วัตสัน อีกครั้งที่ให้การสนับสนุนอย่างดีเสมอมาและหวังว่าโครงการนี้จะช่วยแบ่งปันความห่วงใยไปยังผู้ป่วยมะเร็งและผู้ดูแล ให้ได้รับความรู้ในการดูแลรักษามะเร็งได้อย่างถูกต้อง เข้มแข็ง และสามารถก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในอนาคต”

นายเขมชาติ เติมวิวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายขาย ผลิตภัณฑ์นีเวีย ประเทศไทย

นอกจากได้ร่วมทำบุญแล้ว งานนี้ลูกค้าหนึ่งร้อยท่านแรก ที่ซื้อผลิตภัณฑ์นีเวียทุกประเภทในช่วงแคมเปญนี้ผ่านทุกช่องทางการขายของวัตสัน ทั่วประเทศ สามารถลงทะเบียนพร้อมอัปโหลดรูปใบเสร็จผ่านคิวอาร์โค้ด ณ จุดขายที่ร้านวัตสันทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเข้าร่วมเวิร์กชอป “บอกสาว ๆ ให้รู้ทันมะเร็ง เปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี กับวิธีรับมือกับโรคร้าย” ซึ่งเป็นกิจกรรมความร่วมมือระหว่าง นีเวีย วัตสัน และมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม โดยงานนี้ผู้ร่วมงานจะได้รับข้อมูลอันเป็นประโยชน์เกี่ยวกับมะเร็ง ตลอดจนวิธีการสังเกตตนเอง การดูแลตนเอง และการให้ความรู้แก่ผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งแล้ว ยังมีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับวิธีลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย ภายในงานยังมีกิจกรรมส่งต่อความห่วงใยจากการทำถุงผ้าแฮนด์เมดใส่ของใช้จำเป็นสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ป่วยให้สามารถต่อสู้กับโรคร้ายต่อไป

ทุกคนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างกำลังใจและส่งต่อความห่วงใยถึงผู้ป่วยมะเร็งร่วมกับนีเวีย และวัตสัน ได้อย่างสร้างสรรค์ เพียงซื้อผลิตภัณฑ์นีเวียจากทุกช่องทางการขายของ วัตสัน ทั่วตั้งแต่วันนี้ถึง 22 พฤษภาคม 2567 เพื่อสมทบทุนมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง เพื่อส่งกำลังใจให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งและครอบครัวให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากได้อย่างเข้มแข็งไปด้วยกัน

“CPS CHAPS x BODYSLAM” ปรากฏการณ์ผนึก DNA ความร็อคระหว่างแฟชั่นและดนตรี

0

CPS CHAPS (ซีพีเอส แชปส์) แบรนด์แฟชั่นสุดเท่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “CREATIVITY. PASSION. SELF.” ร่วมฉลองการกลับมาของคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 4 ปี ของ BODYSLAM ศิลปินวงร็อคระดับตำนานที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ กับผลงานคอลลาบอเรชั่นล่าสุด “CPS CHAPS x BODYSLAM” การทำงานร่วมกันอีกครั้งของแบรนด์  CPS CHAPS และวง BODYSLAM ที่เคยสร้างปรากฏการณ์เขย่าวงการแฟชั่นและวงการดนตรี ด้วยการผนึก DNA ความร็อคระหว่างแฟชั่นและดนตรีเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยงานครั้งนี้เป็นการหยิบ 3 ผลงานเพลงจากอัลบั้มใหม่ล่าสุด Sunny Side Up ได้แก่ เหว วันสิ้นปี ปรากฏการณ์ผีเสื้อ และ 3 หน้าปกอัลบั้ม Save My Life คราม วิชาตัวเบา  มาดีไซน์ใหม่ลงบน Graphic T-Shirt ทั้ง 10 แบบ พร้อมถ่ายทอดความเท่ตามแบบฉบับของ CPS CHAPS ด้วยเทคนิกการพิมพ์ การฟอก กับแพทเทิร์นเสื้อยืดแขนสั้นและแขนกุดในโทนสีดำ-ขาว เพื่อดึงสไตล์ความเป็นร็อคเกอร์อย่างชัดเจน

สำหรับดีไซน์จาก 3 ผลงานเพลงในอัลบั้มล่าสุด Sunny Side Up ทางแบรนด์ได้หยิบมาตีความใหม่และออกแบบผ่านงานกราฟฟิกและภาพวาด ถ่ายทอด DNA ความร็อคจากบทเพลงสู่แฟชั่น ได้แก่ 1)เหว นำเอาตุ๊กตาหมี ตัวเอกของ MV ซึ่งดีไซน์เป็น 5 คาแรกเตอร์ของทั้ง 5 สมาชิก ที่มีความน่ารัก มาเติมความร็อคตามสไตล์ BODYSLAM  2) วันสิ้นปี ไอเดียจากการตีความเรื่องของการจุดพลุ ที่สื่อถึงการทิ้งเรื่องราวเก่าๆ เพื่อเริ่มต้นวันใหม่ในคืนส่งท้ายปี โดยนำเอาลายเส้นจากแสงของพลุที่ค่อนข้างมีความ Abstract และคาดเดาไม่ได้มาดีไซน์ลงบนเสื้อยืด 3) ปรากฏการณ์ผีเสื้อ ลายเส้นการวาดแนว Abstract นำมาผสานเข้าด้วยกันให้ออกมาเป็นรูปผีเสื้อ กลิ่นอายของ Butterfly Effect ให้อารมณ์และความรู้สึกที่นึกถึงการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวของชีวิต ทำให้ผลงานดีไซน์ที่ออกมามีความเป็นศิลปะและสอดคล้องกับความหมายของเพลงได้เป็นอย่างดี

นอกจากการนำเอาผลงานเพลงมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบแล้ว ทาง CPS CHAPS ยังได้หยิบเอาดีไซน์หน้าปกจาก 3 อัลบั้มยอดนิยมมาถ่ายทอดลงบนเสื้อยืดใหม่ ได้แก่ 1)Save My Life กับความตั้งใจที่จะทำให้เสื้อยืดออกมาในรูปแบบของเสื้อวงร็อคทัวร์ซึ่งเป็นยุคแห่งดนตรี Emo Core และมีส่วนผสมของวงการดนตรีในยุคนั้นด้วย อาทิ ดีไซน์ด้านหน้าบริเวณอกได้มีการดีไซน์ลายเส้นสีฟ้าน้ำทะเลเขียนเป็นคำว่า CPS CHAPS และสกรีนทับด้วยชื่อวงและชื่ออัลบั้ม และด้านหลังจะเป็นรายชื่อผลงานเพลงทั้งหมดในอัลบั้มนี้ เพิ่มความเท่ไม่ซ้ำใครด้วยสกรีนด้วยฟอนต์ลายมือ 2) คราม นำ “นก” ที่เป็นสัญลักษณ์จากปกอัลบั้มคราม มาดีไซน์ใหม่โดยการปรับแต่งรูปทรงของตัวนก พร้อมใส่เอฟเฟกต์สีส้มแดงด้านหลังให้ดูมีความทันสมัยและแฟชั่นมากขึ้น 3) วิชาตัวเบา ด้วยความที่อัลบั้มนี้มีความเป็นศิลปะค่อนข้างมาก ทางแบรนด์จึงได้ไอเดียในเรื่องของการสลัดสีที่หลากหลายลงบนเสื้อ เพื่อให้เสื้อยืดแขนกุดดูมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

และอีกหนึ่งดีไซน์พิเศษที่ทาง CPS CHAPS ได้ออกแบบในคอลลาบอเรชั่นครั้งนี้ คือการนำเอาสนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตและเป็นสถานที่ที่ทั้ง 5 สมาชิกวง BODYSLAM มีความทรงจำและประสบการณ์กับการเล่นดนตรีครั้งยิ่งใหญ่สุดประทับใจร่วมกัน ทางแบรนด์จึงได้นำเอาสถานที่แห่งนี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการดีไซน์ผ่านรูปแบบภาพสเก็ต เพื่อเป็นการบันทึกความทรงจำระหว่างศิลปินและแฟนๆ ทุกคนที่เคยได้ไปร่วมเสพบรรยากาศความสนุกของคอนเสิร์ตในครั้งนั้นด้วยกัน

เตรียมลุคสุดร็อคในคอลลาบอเรชั่น “CPS CHAPS x BODYSLAM” กันได้ที่ร้าน CPS CHAPS ทุกสาขา และช่องทางออนไลน์ www.cpschaps.com ก่อนไปปลดปล่อยความมันส์ กระโดดกันให้สุดในคอนเสิร์ต EVERYBODYSLAM 2024 THE SUNNY SIDE UP

อัปเดตเทรนด์แฟชั่นสุดเท่ของ “CPS CHAPS” เพิ่มเติมได้ที่

Instagram: @cpschaps

Facebook: CPS CHAPS

LINE Official Account: @cpschaps TikTok: cpschaps.official

GT Auto เพิ่ม GWM และ KIA เข้า Portfolio พร้อมชูบริการ GT Anywhere อยู่ที่ไหนก็ช้อปได้ กลยุทธ์มัดใจลูกค้า-แจกดีลพิเศษฉลองเปิดสาขา

0

บริษัท จีที ออโต้ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย บริษัทในเครือ จีที คาร์ส กรุ๊ป ได้ขยายพอร์ตโฟลิโอเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แบรนด์ชั้นนำเพิ่มอีก 2 แบรนด์ ได้แก่ Great Wall Motor (GWM) จากจีน และ KIA จากเกาหลีใต้ ทุ่มกว่า 400 ล้านบาท เปิดโชว์รูม และศูนย์บริการแบบครบวงจรรวม 3 สาขาในปีนี้ พร้อมชูกลยุทธ์มัดใจลูกค้า ส่งมอบประสบการณ์ความสะดวกสบายเหนือระดับในการซื้อรถยนต์ด้วยบริการ GT Anywhere

การแต่งตั้ง GT Auto เป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (Authorized Car Dealer) ของ KIA อย่างเป็นทางการในประเทศไทยและเป็นพันธมิตรทางธุรกิจอย่างเป็นทางการ (Official Automotive Partner) ของ GWM ประเทศไทย ถือเป็นการเจาะกลุ่มตลาดทำเลที่มีกำลังซื้อสูงอย่างกรุงเทพฯชั้นใน และภาคตะวันออกอย่างเต็มตัว เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งการซื้อ และการเข้ารับบริการหลังการขาย

สำหรับโชว์รูมและศูนย์บริการ GWM แห่งใหม่เป็นโชว์รูมขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 3 ไร่ บนถนนพัฒนาการ กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้เปิดให้บริการแล้วในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยโชว์รูมแห่งนี้เป็นโชว์รูมขนาดใหญ่สามารถจัดแสดงรถได้มากกว่า 15 คัน รวมทั้งสามารถรองรับรถที่เข้ารับบริการได้ไม่ต่ำกว่า 600 คันต่อเดือน และคาดว่าจะขยายเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในอนาคต

โชว์รูมและศูนย์บริการ KIA ปัจจุบันมีการเปิดโชว์รูมชั่วคราวที่สาขาพัทยา ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ติดกับโชว์รูม Volvo สาขาพัทยา และกำลังดำเนินการสร้างโชว์รูมและศูนย์บริการแบบเต็มรูปแบบ บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทเช่นกัน ในโซนพัทยาเหนือ ใกล้กับโรงพยาบาลกรุงเทพ โดยโชว์รูมแห่งนี้ได้ถูกออกแบบภายใต้มาตรฐาน KIA Store Design Concept รูปแบบใหม่ล่าสุด และคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนปีนี้

นายวิน สันติพงศ์ไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีที ออโต้ จำกัด กล่าวว่า จีที ออโต้ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ของ KIA และเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Great Wall Motor (GWM) อย่างเป็นทางการ ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์เป็นค่ายรถยนต์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากการมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครอบคลุมทุกกลุ่ม ตั้งแต่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาป, รถยนต์ไฮบริด (HEV), รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) และที่สำคัญผลิตภัณฑ์สามารถตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ทั้ง GWM และ KIA ต่างกระตือรือร้นในการขยายธุรกิจและปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในประเทศไทยอย่างจริงจัง รวมทั้งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของอาเซียน และเชื่อว่า GT Auto จะสามารถยกระดับประสบการณ์ในการขาย และบริการให้กับลูกค้าได้อย่างรอบด้าน นอกจากนี้การเข้ามาของ GWM และ KIA จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มยอดขายรวมของ GT Auto ในปีนี้ได้ประมาณ 20% แม้จะอยู่ในช่วงตลาดหดตัวก็ตาม

นายนวิน สันติพงศ์ไชย กรรมการ บริษัท จีที ออโต้ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา เราได้มีการเปิดตัวโปรแกรม GT Anywhere เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าที่สนใจรถยนต์ Volvo แบบไร้รอยต่อ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีซึ่งสะท้อนให้เห็นจากยอดขายรถยนต์ของ GT Auto ในปีที่ผ่านมา ที่สาขาถนนวิทยุมียอดขายรถใหม่สูงสุดในประเทศไทย และสาขาถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มียอดขายรถยนต์ผู้บริหารป้ายแดง และวอลโว่มือสองสูงสุดด้วยเช่นกัน ซึ่งบริการ GT Anywhere จะช่วยผลักดันยอดขายรถยนต์แบรนด์ KIA และ GWM ได้เป็นอย่างดี

สำหรับบริการ GT Anywhere ถูกพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ Your Convenience Is Our Top Priority ที่ให้ความสำคัญกับการส่งมอบอีกขั้นของประสบการณ์แห่งความสะดวกสบายแบบ Seamless Experience ครอบคลุมทุกขั้นตอนการซื้อรถยนต์ ไม่ใช่แค่การทดลองขับเท่านั้น แต่เริ่มตั้งแต่การให้ข้อมูลเบื้องต้น ขั้นตอนต่างๆ ไปจนถึงการส่งมอบรถสำหรับลูกค้า โดยบริการ GT Anywhere เป็นบริการพิเศษที่มอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในทุกขั้นตอนการซื้อรถยนต์คันโปรดของคุณ ซึ่งมีทั้งหมด            4 บริการ ได้แก่

GT Auto Test Drive Delivery บริการพิเศษนำรถไปให้คุณทดลองขับถึงที่

GT Auto Virtual Meet บริการพิเศษส่งมอบประสบการณ์การรับชมรถแบบ Real-Time ผ่าน VDO Call

GT Auto Personal Shopper บริการพิเศษ ช่วยจองรถยนต์ผ่าน Online เสมือนมีผู้ช่วยจองส่วนตัว

GT Auto Touchless Delivery บริการพิเศษส่งมอบรถใหม่ถึงมือคุณ

และในโอกาสพิเศษนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเปิดโชว์รูมสาขาใหม่ จีที ออโต้ ขอมอบข้อเสนอพิเศษ Mid-Year Ultimate Deal “ที่สุดแห่งข้อเสนอกลางปี”ขยายเวลา Motor Show สำหรับรถยนต์ KIA ตลอดเดือนพฤษภาคม 2024 รับข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย อาทิเช่น

KIA Carnival รับสิทธิประโยชน์สูงสุด 140,000 บาท*

EV5 รับดอกเบี้ยพิเศษ พร้อม ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี*

EV9 รับสิทธิประโยชน์สูงสุดกว่า 120,000 บาท*

Sorrento รับสิทธิประโยชน์สูงสุด 100,000 บาท*

สำหรับ GWM (Great Wall Motor) นั้น GT Auto เตรียมจัดงาน Mid-Year Ultimate Weekend ในวันที่ 18-19 พ.ค. นี้ ที่โชว์รูม GWM สาขาพัฒนาการ ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ ได้แก่

ORA Good Cat รับข้อเสนอพิเศษสูงสุด 200,000 บาท*

ORA 07 รับข้อเสนอพิเศษสูงสุด 150,000 บาท*

Haval รับข้อเสนอพิเศษสูงสุด 200,000 บาท*

Tank รับข้อเสนอพิเศษสูงสุด 220,000 บาท*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KIA และ GWM GT Auto

KIA GT Auto สาขาพัทยา โทร. 097-217-0222, Facebook : KIA Pattaya – GT Auto

GWM GT Auto สาขาพัฒนาการ โทร. 081-401-9999, 088-923-5222 Facebook : GWM Phattanakarn – GT Auto

GT Auto ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2012 ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อย่างเป็นทางการ ปัจจุบันเป็นตัวแทนจำหน่ายทั้งหมด 4 แบรนด์ด้วยกัน ได้แก่ Subaru, Volvo, GWM (Great Wall Motor) และ KIA

เอ็มจี ตอกย้ำการเป็นผู้บุกเบิกยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าทั่วภูมิภาคอาเซียน กับงบลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท

0
  • เอสเอไอซี มอเตอร์- ซีพี มีพื้นที่กว่า 437.5 ไร่ กับงบลงทุนแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท และบุคลากรในการทำงานมากกว่า 1,000 คน โดยเป็นบุคลากรคนไทยกว่า 98%
  • เผยถึงความพร้อมในทศวรรษที่ 2 กับไลน์ประกอบรถ NEW MG4 ELECTRIC และโรงงานแบตเตอรี่อีวีที่สามารถประกอบแบตเตอรี่ Cell-To-Pack ได้สูงสุดมากกว่า 50,000 แพ็คต่อปี ตอกย้ำการเป็นผู้บุกเบิกตลาดอีวีพวงมาลัยขวาในอาเซียน
  • เติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ กับพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK  ที่เปิดใช้พื้นที่ทั้งหมดแล้วตามกรอบระยะเวลา

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยความพร้อมในทศวรรษที่สอง กับการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศชั้นนำทั่วภูมิภาคอาเซียน ด้วยไลน์การผลิตที่ครบทุกรูปแบบการขับเคลื่อน กำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี ด้วยงบลงทุนแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท โดยสามารถผลิตได้ทั้งรถยนต์สันดาปภายใน รถยนต์พลังงานทางเลือก และล่าสุดด้วยการเพิ่มไลน์การผลิตรถอีวีนำร่องด้วย NEW MG4 ELECTRIC รุ่นประกอบในประเทศ พร้อมโรงงานแบตเตอรี่อีวี รองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของการใช้รถอีวีในประเทศและแถบภูมิภาคอาเซียน พร้อมเผยความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK โดยพื้นที่ทั้งหมดได้เปิดใช้งานอย่างเต็มรูปแบบแล้ว และมีพาร์ตเนอร์บริษัทชั้นนำร่วมเข้ามาอยู่ในพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ เอ็มจี สามารถกระจายรายได้สู่ภาคประชาชนด้วยการจ้างงานคนไทยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 98%

ประเทศไทย ถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่ เอ็มจี มุ่งมั่นเข้ามาดำเนินธุรกิจและทำการตลาดในระยะยาว ด้วยความมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทย ทั้งในแง่ของอัตราการเติบโตและการใช้งานรถภายในประเทศ ผนวกกับทำเลที่ตั้งที่มีโอกาสและความเป็นไปได้ในการส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน เอ็มจี จึงได้สร้างโรงงานผลิตรถยนต์แบบครบวงจร ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 2 (WHA ESIE 2) จังหวัดชลบุรี ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 437.5 ไร่ โดยพื้นที่กว่า 300 ไร่ ใช้เป็นส่วนของโรงประกอบตัวถัง (Body Shop) โรงพ่นสีรถยนต์ (Paint Shop)  โรงประกอบรถ (General Assembly Shop) อีกทั้งยังครอบคลุมในส่วนของคลังจัดเก็บอะไหล่เพื่อรองรับรถยนต์ของเอ็มจีทุกรุ่น และ ล่าสุด เมื่อปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา เอ็มจี ได้ลงทุนครั้งใหญ่ในการพัฒนาพื้นที่ในส่วนที่เหลืออีกกว่า137.5 ไร่ ให้เป็นส่วนของ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK เพื่อรองรับการเติบโตของรถอีวี และเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ซึ่งในส่วนที่พัฒนาใหม่นี้ ประกอบด้วย โรงประกอบแบตเตอรี่อีวี และส่วนของพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วน เพื่อการประกอบรถยนต์เอ็มจีร่วมกับพาร์ตเนอร์บริษัทชั้นนำ จึงทำให้แบรนด์ เอ็มจี เป็นแบรนด์ที่สามารถผลิตและประกอบรถยนต์ได้ครบทุกรูปแบบการขับเคลื่อนจากฐานการผลิตภายในประเทศ กับกำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี

นายสุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด กล่าวว่า “โรงงานการผลิตและประกอบรถยนต์ เอ็มจี เป็นโรงงานที่มีการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี อาทิ นวัตกรรมระบบอัตโนมัติ (Automations) หุ่นยนต์อัจฉริยะ (Intelligent Robotics) เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก เพิ่มประสิทธิภาพ และความแม่นยำในไลน์การผลิต ผนวกกับทักษะความเชี่ยวชาญและความชำนาญของบุคลากรในกระบวนการผลิต ซึ่งทำให้มีข้อได้เปรียบในกระบวนการการผลิตที่สามารถรองรับการผลิตรถยนต์ ทุกรูปแบบการขับเคลื่อน ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา เอ็มจี ได้ลงทุนเพิ่มและเริ่มเดินสายการผลิตรถอีวีภายในประเทศ โดยเป็นไปตามแผนงานการลงทุนของบริษัทแม่อย่าง SAIC Motor Corporation และสอดรับกับนโยบายอีวีของภาครัฐ ประเดิมการผลิตรถอีวีรุ่นแรกด้วย NEW MG4 ELECTRIC ซึ่งเป็นโกลบอลอีวีรุ่นยอดนิยมวีภายในประเทศ ที่มียอดขายสะสมทั่วโลก ณ ปัจจุบัน มากกว่า 180,000 คัน โดยในสายการผลิตที่ประเทศไทยจะประกอบด้วย NEW MG4 ELECTRIC รุ่น STANDARD RANGE และ รุ่น LONG RANGE ซึ่งได้เริ่มเดินสายการผลิตตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และได้ส่งมอบสู่ลูกค้าในช่วงเมษายนที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในฐานะแบรนด์ ผู้บุกเบิกตลาดอีวี เอ็มจี ไม่ได้ให้ความสำคัญแต่เพียงตัวรถอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่เรายังขยายความแข็งแกร่งของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับการใช้งานรถอีวีในทุกมิติ เราจึงได้ลงทุนในส่วนของโรงงานแบตเตอรี่อีวี ภายใต้ชื่อ HASCO-CP BATTERY SHOP ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน โดยแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ ส่วนการประกอบแบตเตอรี่ ประกอบด้วยสายการผลิตอัตโนมัติที่ทันสมัยอย่างการนำหุ่นยนต์ (Robotic) เข้ามาช่วยในการผลิตเพื่อให้ได้มาตรฐานที่แม่นยำ เทคโนโลยี AGV (Automated Guided Vehicle) ที่ใช้ในการกำหนดการเคลื่อนที่ของชิ้นงานตามเส้นทางรวมถึงระยะเวลาการทำงานและคุณภาพการผลิตที่แม่นยำ การเชื่อมโดยเลเซอร์ (Laser Welding) เพื่อให้ได้คุณภาพของการเชื่อมที่ดี การตรวจสอบด้วย CCD (Charge Coupled Device) เพื่อความแม่นยำในการตรวจสอบเทียบกับต้นแบบในทุกขั้นตอนก่อนนำไปประกอบใส่ในตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% และส่วนที่สอง คือ ส่วนการทดสอบมาตรฐานของแบตเตอรี่กว่า 60 ขั้นตอน ซึ่งได้รับรองคุณภาพและการตรวจสอบภายใต้มาตรฐานยุโรป และเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับสายการผลิตระดับโลก โดยโรงงานแห่งนี้ สามารถประกอบแบตเตอรี่ Cell-To-Pack ได้สูงสุดมากกว่า 50,000 แพ็คต่อปี และนำแบตเตอรี่มาใช้ในการประกอบรถ NEW MG4 ELECTRIC เป็นที่เรียบร้อย”

นายสุโรจน์ กล่าวต่อไปว่า “เอ็มจี มีส่วนสำคัญในการพัฒนาบุคลากรเชิงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการจ้างงานภายในประเทศ มีอัตราการจ้างงานบุคลากรในหลายๆ ส่วน คิดเป็นสัดส่วนบุคลากรคนไทยในบริษัทฯ มากกว่า 98% โดยมีบุคลากรทั้งสิ้นมากกว่า 1,000 คน ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK ซึ่ง เอ็มจี ได้พัฒนาโครงการดังกล่าวขึ้นมาเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย โดยเฉพาะการเติบโตของรถอีวีในอนาคต ภายในพื้นที่แห่งนี้ ยังมีส่วนของพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วนในการประกอบรถยนต์เอ็มจีร่วมกับพาร์ตเนอร์บริษัทชั้นนำ เพื่อจะเติมเต็มความครบวงจรและความสมบูรณ์แบบของกระบวนการผลิต ซึ่งล่าสุดได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดใช้พื้นที่ทั้งหมดอย่างเต็มรูปแบบแล้ว”

ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และความตั้งใจอย่างแท้จริงของ เอ็มจี ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยด้วยเป้าหมายใหญ่เชิงมหภาคในการลงทุนระยะยาว เพื่อร่วมเดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นหนึ่งอุตสาหกรรมหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และบรรลุเป้าหมายของการเป็น “ศูนย์กลาง” การผลิตรถยนต์และรถอีวีพวงมาลัยขวา เพื่อจัดจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียนและประเทศชั้นนำทั่วโลก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ เอ็มจีได้ที่

Website: www.mgcars.com

Line: @MGThailand

Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand

Twitter: @mg_thailand

Instagram: @mgthailand

Youtube: MG Thailand

TikTok: @mgthailand

Application: MG Thailand

PTG เปิดงบ Q1/67 ยอดขายพุ่งเฉียด 5.5 หมื่นลบ. ปริมาณการขายน้ำมันเติบโตทะลุเป้า 16.7% ทุบสถิตินิวไฮ 1,720 ล้านลิตร โชว์มาร์เก็ตแชร์ค้าปลีกน้ำมันสูงถึง 21.8%

0

ทางยังคงสร้างสถิติยอดขายสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่องเป็น 1,720  ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้นถึง 16.7% YoY รวมถึงครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 21.8% ขณะที่ ยอดขายก๊าซ LPG ยังคงทำสถิติที่สูงอย่างต่อเนื่องที่จำนวน 172  ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 14.3 % ฟากซีอีโอ “พิทักษ์ รัชกิจประการ” ประเมินภาพรวมธุรกิจปีนี้ Non-Oil ยังสดใส ก๊าซ LPG กาแฟพันธุ์ไทย และ Autobacs เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากยอดสมาชิกบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus มีจำนวนเพิ่มขึ้น และคงเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโต  10-12% YoY 

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2567 (สิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2567) ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิเท่ากับ  264 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 0.16บาทต่อหุ้น ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 54,962 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% YoY อยู่ที่ 50,936 ล้านบาท 

โดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil มีรายได้จำนวน 50,912 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% YoY เป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางยังคงสร้างสถิติยอดขายสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่องเป็น  1,720 ล้านลิตร  หรือเพิ่มขึ้นถึง 16.7% YoY เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Same-Store-Sales) ทั้งจากลูกค้าใหม่ และกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus รวมถึงปัจจัยหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลและวันหยุดต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ ครองส่วนแบ่งการตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 21.8% จากไตรมาส 1/2566ที่  19.2%  โดยบริษัทฯ มีสถานีบริการน้ำมัน PT ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 จำนวน 2,199 สถานี 

ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil มีรายได้ 4,050 ล้านบาท เติบโต 28.7% YoY โดยมาจากธุรกิจก๊าซ LPG ที่มีรายได้ 2,288 ล้านบาท เติบโต 17.9% YoY เนื่องจากมีปริมาณการจัดจำหน่ายก๊าซ LPG ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ 14.3% YoY เป็น 172 ล้านลิตร  ประกอบกับมีราคาขายเฉลี่ยที่ 13.26 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 3.1% YoY

ทั้งนี้ในส่วนของการเพิ่มขึ้นของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG โดยรวมยังคงมาจากกลุ่ม Auto LPG ที่เติบโต 18.2% YoY เป็น 121 ล้านลิตร จากการดำเนินโครงการ “Taxi Transform” และ “Auto Transform” ด้วยเป้าหมายในการสร้างความ “อยู่ดี มีสุข” ให้กับลูกค้าในทุกช่วงของชีวิต ประกอบกับมีการเข้ามาใช้บริการของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus โดยบริษัทฯ ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ผ่านสถานีบริการเป็นอันดับที่ 1 ในไตรมาส 1/2567 ที่ 28.8% และมีจำนวนสถานีบริการ Auto LPG ที่จำนวน 243 สถานี ขณะที่กลุ่มครัวเรือนและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 6.0% YoY เป็น 51 ล้านลิตร

สำหรับธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีรายได้เท่ากับ 494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.5% YoY เป็นผลมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง  โดยในไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มีจำนวนสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยทั้งสิ้น 947 สาขา เพิ่มขึ้น 66.1% YoY ประกอบกับมีการกลับมาซื้อซ้ำ ของลูกค้ารายเดิมและจากกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ในขณะที่ธุรกิจ Autobacs มีจำนวนสาขาอยู่ที่ 83 สาขา เติบโต 69.4% YoY และมีรายได้เท่ากับ 236 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103.2% YoY หรือเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีที่แล้ว

ในไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มีสาขาของธุรกิจ Non-Oil รวมทั้งสิ้น 2,211 สาขา เพิ่มขึ้น 585 สาขา หรือเติบโต 36.0% YoY ขณะที่กำไรขั้นต้น ในธุรกิจ Non-Oil เท่ากับ 868 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  36.4% YoY และมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil อยู่ที่ 24.5% จากกำไรขั้นต้นทั้งหมด

นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่าในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงวางเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโต  10-12% YoY และขยายจำนวนสถานีบริการไว้ที่  2,251 สถานีบริการ เพิ่มขึ้น 50 สถานีบริการจากปีก่อนหน้า  รวมถึงยกระดับการให้บริการ ด้วย PT Service Master ที่คอยให้บริการและแนะนำลูกค้า และมีการใช้ข้อมูลจากฐานสมาชิกกลุ่มผู้ถือบัตร PT Max Card, PT Max Card Plus, แอปพลิเคชัน Max Me และแพลตฟอร์ม Max Enterprise Connect (MEC) มาวิเคราะห์ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และโปรโมชันที่ตรงตามความต้องการลูกค้ามากที่สุด มุ่งสู่เป้าหมายในการขยายส่วนแบ่งการตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกสถานีบริการไม่ต่ำกว่า 25% ในปี 2570 

สำหรับธุรกิจ Non-Oil ยังคงวางเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 40-50%  หลักๆ มาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่มองว่าปีนี้เป็นปีแห่ง “Network Expansion” ซึ่งจะเน้นการขยายผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน ได้แก่ 1) ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าขยาย 400 สาขา 2) ขยายการรับรู้ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ผ่านการนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย และ 3) เน้นการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ผลิตต้นน้ำเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน มุ่งสู่จำนวนสาขากาแฟพันธุ์ไทยกว่า 5,000 สาขาครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศในปี 2570

ส่วนธุรกิจก๊าซ LPG ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายปี 2567 ไว้ที่ 30-40% จาก 1) กลุ่ม Auto LPG โดยเน้นงานบริการเพื่อส่งเสริมยอดขาย และครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ด้วยโครงการ “Taxi Transform” และ “Auto Transform” รวมถึงการใช้กลยุทธ์ทำงานด้านการตลาดผ่านระบบสมาชิกบัตรกลุ่ม PT Max Card  และ PT Max Card Plus เพื่อรักษาและขยายฐานลูกค้า และ 2) กลุ่มก๊าซครัวเรือนและอุตสาหกรรมโดยรักษาฐานลูกค้าหลักเดิม และหาฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงการนำเสนอโปรโมชั่นการขาย และการรับรู้แบรนด์ PT แก่ลูกค้า และ 3) เน้นการขยายจำนวนสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 788 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 573 สาขาในปี 2566 โดยเป็นการขยาย Gas Shop เป็นหลัก

ธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil บริษัทฯ ยังคงวางแผนขยายสาขาและ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง  ซึ่งในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็นจำนวน 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints  โดยการขยายสาขาจำนวนหลักๆ มาจากสถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT เพื่อรองรับแนวโน้มการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวบัตรแมกซ์การ์ด พลัส อีวี (Max Card Plus EV) เพื่อมอบสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ใช้ EV โดยเฉพาะ และเพื่อเชื่อมต่อ Max World Ecosystem ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น นอกจากการขยายจุดชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว บริษัทฯ ยังวางเป้าขยาย  Touchpoints ในธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ อาทิ ธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs และสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น

“ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 ที่ออกมาถือว่าเติบโตในทุกมิติ ธุรกิจเดิมก็เติบใหญ่ ธุรกิจใหม่ก็เติบโต โดยเฉพาะยอดขายน้ำมันที่ทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาพรวมธุรกิจของกลุ่ม PTG ในช่วงที่เหลือของปีนี้เชื่อว่ายังคงเติบโตอย่างแข็งแรงและต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในการสร้างเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจ PT Max World ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์วิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ในการที่จะเชื่อมให้ทุกคนได้เข้าถึงชีวิตที่ อยู่ดี มีสุข ในทุกช่วงของชีวิต” นายพิทักษ์ กล่าวในที่สุด

ครบรอบ 55 ปี บริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด พัฒนาไม่หยุด มุ่งสู่ทศวรรษที่ 6 พร้อมหนุนมอเตอร์สปอร์ตต่อเนื่อง

0

ภายในงานได้รับเกียรติจาก มร.โอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ร่วมพิธีเฉลิมฉลองในครั้งนี้ รวมทั้ง มร.ยูอิจิ คูโจ ประธานบริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด, ดร.จักรกริช วหาวิศาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด, ดร.อารักษ์ พรประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด รวมถึงพันธมิตร และสื่อมวลชน ร่วมงานในครั้งนี้

โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น ด้านหน้ามีการจัดบูธเกมวีอาร์ (VR) ให้แก่แขกที่เดินทางมาร่วมงานเฉลิมฉลองในครั้งนี้ รวมไปถึงแบ็คดร็อปถ่ายภาพสุดอลังการที่ให้ลูกค้า และพันธมิตร ได้เก็บบรรยากาศอย่างสุดประทับใจ

มร. ยูอิจิ คูโจ ประธานบริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับทุกท่านในวันนี้ วันครบรอบ 55 ปี บริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด การบริหารของเรามีปรัชญาการเคารพความเป็นมนุษย์ เราเน้นความสำคัญของมนุษย์ก่อนผลกำไร นี่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ น้ำมันอพอลโล และอิเดมิตสึ จับมือกันมาจนถึงวันนี้ เรามีการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง และยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้ง ผมยินดีอย่างยิ่งที่เราเดินทางร่วมกันมา 55 ปี ขอขอบคุณทุกท่าน ณ ที่นี่จริงๆ”

ด้าน ดร.จักรกริช วหาวิศาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์ในวาระที่บริษัทเดินทางมาถึงปีที่ 55 ว่า “ปีนี้องค์กรของเราได้ดำเนินงานเข้าสู่ปีที่ 55

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเรามีการปรับตัวและพัฒนามาโดยตลอดด้วยความเป็นบริษัทที่ผลิตน้ำมันหล่อลื่นให้กับลูกค้าทั้งโรงงานอุตสาหกรรม  ลูกค้าในกลุ่ม OEM (Original Equipment Manufacturer) และการผลิตน้ำมันเครื่องภายใต้แบรนด์ อิเดมิตสึ เหล่านี้เกิดจากความมุ่งมั่น ที่ไม่เคยหยุดพัฒนาองค์กร กระบวนการผลิต รวมไปถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์”

“แม้ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะเปลี่ยนแปลงไป แต่ผลิตภัณฑ์ของ บจก. น้ำมันอพอลโล (ไทย) สามารถรองรับได้ทุกตลาด ด้วยคุณภาพและ การให้บริการ เพื่อให้ลูกค้าของ บจก. น้ำมันอพอลโล (ไทย) ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีทีสุด” ดร.จักรกริช วหาวิศาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด กล่าว ทิ้งท้าย

ทั้งนี้ บริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด ที่ก่อตั้งขึ้น ด้วยการสนับสนุนจาก บริษัท อิเดมิตสึ โคซัน จำกัด แห่งประเทศญี่ปุ่น สนับสนุนวงการมอเตอร์สปอร์ตทั้งในประเทศไทย และในระดับนานาชาติ มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน

โดย อิเดมิตสึ ยังเป็นผู้สนับสนุนน้ำมันเครื่องในการแข่งขันรายการต่างๆ พร้อมจับมือกับ “ฮอนด้า” ส่งทีมเข้าแข่งขันโมโตจีพี รุ่นโมโต ทู ในนามทีม “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” ซึ่งทำผลงานในระดับโลกได้อย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอดอีกด้วย

นอกจากงานครบ “ครบรอบ 55 ปี APOLLOTHAI” ณ ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ แล้ว ยังมีการจัดกอล์ฟเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้า  และพันธมิตร ณ สนามฟลอร่าวิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ จ.ปทุมธานี  อีกด้วย

มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จัดกิจกรรม ‘A MAY ZING DEALS’ อัศจรรย์เดือน 5 กับข้อเสนอพิเศษ สำหรับแฟนๆ BMW, MINIและ BMW MOTORRAD ตลอดเดือนพฤษภาคม 2567

0

บริษัท มิลเลนเนียม ออโต๊ กรุ๊ป จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด อย่างเป็นทางการ ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมต้อนรับเดือนพฤษภาคม ‘A MAY ZING DEALS’ อัศจรรย์เดือน 5 กับข้อเสนอสุดพิเศษ ครบครันทั้ง บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ควบคู่การทำกิจกรรมเพื่อสังคม ที่โชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ และ มินิ มิลเลนเนียม ออโต้ ทุกสาขาทั่วประเทศ

สมปราชญ์ โบสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ต้อนรับเดือนพฤษภาฯ ด้วยแคมเปญสุดคุ้มค่า ‘A MAY ZING DEALS’ เปิดโอกาสให้ลูกค้า ได้เลือกรับข้อเสนอพิเศษที่เหมาะกับตัวเองที่สุด น่าจะเป็นที่ถูกใจของผู้ชื่นชอบรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด อย่างแน่นอนครับ”

++ มิลเลนเนียม ออโต้ฯ ต้อนรับเดือนพฤษภาฯ กับหลากหลายข้อเสนอสุดพิเศษ

มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จัดกิจกรรมรับเดือนพฤษภาคม หยิบยื่นหลากหลายข้อเสนอสุดพิเศษให้แฟนๆ ยนตรกรรมในเครือ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั้งรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้รับความคุ้มค่าสูงสุด

BMW

• ราคาพิเศษเริ่มต้น 1.999 ล้านบาท*

• ผ่อนเริ่มต้น 15,555 บาทต่อเดือน*

• ดาวน์ 0%*

• ฟรี กาต้มน้ำ และเครื่องปิ้งขนมปัง SMEG มูลค่า 17,400 บาท*

• ฟรี BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) นานสูงสุด 3 ปี*

• ฟรี อัปเกรด BSI นานสูงสุด 10 ปี*

• ฟรี BMW Wall Box*

• นำรถเก่ามาแลกรถใหม่ รับคะแนนสะสม MGC-MOBILFE เพิ่ม 2 เท่า/ใช้คะแนนแลกรับบัตร 

  โดยสารสายการบิน หรือห้องพักจากดุสิตธานี*

• ลูกค้า SCB รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ* ต่อที่1: รับเงินเครดิตคืนสูงสุด 20,000 บาท
   ต่อที่2: ใช้คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13%

MINI

• ราคาพิเศษเริ่มต้น 1.865 ล้านบาท*

• ผ่อนเริ่มต้น 18,888 บาทต่อเดือน*

• รับฟรี SMEG Toaster Union Jack มูลค่า 12,900 บาท*

• ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง*

• ฟรี อัปเกรด MSI นานสูงสุด 10 ปี*

• นำรถเก่ามาแลกรถใหม่ รับคะแนนสะสม MGC-MOBILFE เพิ่ม 2 เท่า/ใช้คะแนนแลกรับบัตร

  โดยสารสายการบิน หรือห้องพักจากดุสิตธานี*

• ลูกค้า SCB รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ* ต่อที่1: รับเงินเครดิตคืนสูงสุด 20,000 บาท
   ต่อที่2: ใช้คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13%

BMW Motorrad

• ฟรี ส่วนลดสูงสุด 50,000 บาท*

• ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง*

• พัดลม VENZ PIXEL COLLECTION*

อีกทั้งยังมีกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ THE NEW 5 SERIES ON TOUR ให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองขับยนตรกรรมระดับผู้นำ THE NEW BMW 5 SERIES รุ่นใหม่ล่าสุด อย่างใกล้ชิดก่อนใคร ระหว่างวันที่ 23-25 พฤษภาคม 2567 ที่โชว์รูม คริส-คราฟท์ ประเทศไทย ในโครงการริเวอร์เดล มารีน่า จังหวัดปทุมธานี

ยิ่งไปกว่านั้น มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ได้สานต่อโครงการ ดีต่อใจ หัวใจ สีเขียว โดยจัดทำเวิร์คช็อป เรียนรู้การปลูกต้นไม้อย่างยั่งยืน ที่โชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ และ มินิ มิลเลนเนียม ออโต้ เอกมัย โดยทุกการส่งมอบยนตรกรรม ลูกค้าจะได้รับต้นกล้า 1 ต้น เพื่อสนับสนุนโครงการ ‘ธนาคารต้นไม้’ ของชุมชนบ้านถ้ำเสือ โดยเป็นการจัดทริปขับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวสไตล์ Low Carbon Driving Experience พาลูกค้าเที่ยวหมู่บ้านถ้ำเสือ พร้อมทำกิจกรรมคืนพื้นที่สีเขียวสู่สังคม ในเดือนมิถุนายน ปีนี้

สอบถามข้อมูล โทร.1286 Millennium Auto Connect

Line Official: https://bit.ly/2Z3ou46 (@millenniumauto)

https://www.millenniumauto.co.th

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ฯ

มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จัดกิจกรรม ‘A MAY ZING DEALS’ อัศจรรย์เดือน 5 กับข้อเสนอพิเศษ สำหรับแฟนๆ BMW, MINIและ BMW MOTORRAD ตลอดเดือนพฤษภาคม 2567

0

บริษัท มิลเลนเนียม ออโต๊ กรุ๊ป จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด อย่างเป็นทางการ ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมต้อนรับเดือนพฤษภาคม ‘A MAY ZING DEALS’ อัศจรรย์เดือน 5 กับข้อเสนอสุดพิเศษ ครบครันทั้ง บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ควบคู่การทำกิจกรรมเพื่อสังคม ที่โชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ และ มินิ มิลเลนเนียม ออโต้ ทุกสาขาทั่วประเทศ

สมปราชญ์ โบสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ต้อนรับเดือนพฤษภาฯ ด้วยแคมเปญสุดคุ้มค่า ‘A MAY ZING DEALS’ เปิดโอกาสให้ลูกค้า ได้เลือกรับข้อเสนอพิเศษที่เหมาะกับตัวเองที่สุด น่าจะเป็นที่ถูกใจของผู้ชื่นชอบรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด อย่างแน่นอนครับ”

++ มิลเลนเนียม ออโต้ฯ ต้อนรับเดือนพฤษภาฯ กับหลากหลายข้อเสนอสุดพิเศษ

มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จัดกิจกรรมรับเดือนพฤษภาคม หยิบยื่นหลากหลายข้อเสนอสุดพิเศษให้แฟนๆ ยนตรกรรมในเครือ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั้งรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้รับความคุ้มค่าสูงสุด

BMW

• ราคาพิเศษเริ่มต้น 1.999 ล้านบาท*

• ผ่อนเริ่มต้น 15,555 บาทต่อเดือน*

• ดาวน์ 0%*

• ฟรี กาต้มน้ำ และเครื่องปิ้งขนมปัง SMEG มูลค่า 17,400 บาท*

• ฟรี BMW Protect (ประกันภัยชั้นหนึ่ง) นานสูงสุด 3 ปี*

• ฟรี อัปเกรด BSI นานสูงสุด 10 ปี*

• ฟรี BMW Wall Box*

• นำรถเก่ามาแลกรถใหม่ รับคะแนนสะสม MGC-MOBILFE เพิ่ม 2 เท่า/ใช้คะแนนแลกรับบัตร 

  โดยสารสายการบิน หรือห้องพักจากดุสิตธานี*

• ลูกค้า SCB รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ* ต่อที่1: รับเงินเครดิตคืนสูงสุด 20,000 บาท
   ต่อที่2: ใช้คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13%

MINI

• ราคาพิเศษเริ่มต้น 1.865 ล้านบาท*

• ผ่อนเริ่มต้น 18,888 บาทต่อเดือน*

• รับฟรี SMEG Toaster Union Jack มูลค่า 12,900 บาท*

• ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง*

• ฟรี อัปเกรด MSI นานสูงสุด 10 ปี*

• นำรถเก่ามาแลกรถใหม่ รับคะแนนสะสม MGC-MOBILFE เพิ่ม 2 เท่า/ใช้คะแนนแลกรับบัตร

  โดยสารสายการบิน หรือห้องพักจากดุสิตธานี*

• ลูกค้า SCB รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ* ต่อที่1: รับเงินเครดิตคืนสูงสุด 20,000 บาท
   ต่อที่2: ใช้คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13%

BMW Motorrad

• ฟรี ส่วนลดสูงสุด 50,000 บาท*

• ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง*

• พัดลม VENZ PIXEL COLLECTION*

อีกทั้งยังมีกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ THE NEW 5 SERIES ON TOUR ให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองขับยนตรกรรมระดับผู้นำ THE NEW BMW 5 SERIES รุ่นใหม่ล่าสุด อย่างใกล้ชิดก่อนใคร ระหว่างวันที่ 23-25 พฤษภาคม 2567 ที่โชว์รูม คริส-คราฟท์ ประเทศไทย ในโครงการริเวอร์เดล มารีน่า จังหวัดปทุมธานี

ยิ่งไปกว่านั้น มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ได้สานต่อโครงการ ดีต่อใจ หัวใจ สีเขียว โดยจัดทำเวิร์คช็อป เรียนรู้การปลูกต้นไม้อย่างยั่งยืน ที่โชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ และ มินิ มิลเลนเนียม ออโต้ เอกมัย โดยทุกการส่งมอบยนตรกรรม ลูกค้าจะได้รับต้นกล้า 1 ต้น เพื่อสนับสนุนโครงการ ‘ธนาคารต้นไม้’ ของชุมชนบ้านถ้ำเสือ โดยเป็นการจัดทริปขับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวสไตล์ Low Carbon Driving Experience พาลูกค้าเที่ยวหมู่บ้านถ้ำเสือ พร้อมทำกิจกรรมคืนพื้นที่สีเขียวสู่สังคม ในเดือนมิถุนายน ปีนี้

สอบถามข้อมูล โทร.1286 Millennium Auto Connect

Line Official: https://bit.ly/2Z3ou46 (@millenniumauto)

https://www.millenniumauto.co.th

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ฯ

“กางเกงช้าง” ฟีเวอร์ไม่แผ่วแต่ใส่ยังไงให้สบายทั้งชุด ล่าสุด “วาโก้” ส่งเสื้อกล้ามมีบราในตัวการันตีความสบายใส่สวยเก๋มีสไตล์

0

อากาศร้อนของเมืองไทย ทำให้เสื้อผ้าที่สวมใส่ต้องใส่สบาย ง่ายต่อการทำกิจกรรม อาจจะเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้กางเกงช้างหรือกางเกงพิมพ์ลายต่างๆ เป็นแฟชั่นยอดฮิตในขณะนี้ เพราะทำมาจากผ้าบาง อย่างเช่น ผ้าเรยอน ผ้าสปันหรือผ้าฝ้าย แต่ใส่ยังไงจะสบายทั้งตัว “เสื้อกล้ามวาโก้” คือตอบโจทย์ทั้งความสบายและมีสไตล์อย่างลงตัว  

นางอินทิรานาคสกุลผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทไทยวาโก้จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “Wacoal Bracation ให้ทุกวันเป็นวันสบาย นั่นคือทิศทางของสินค้าวาโก้ ถ้ามีความสบายความมั่นใจก็เกิดขึ้น โดยเสื้อกล้ามก็เป็นสินค้าขายดีอันดับต้นๆ ของวาโก้ เพราะดีไซน์น่ารักทันสมัย ผสมเส้นใยฝ้ายและเส้นใยเรยอนทำเนื้อผ้านุ่มและบางเบาเหมาะสำหรับฤดูร้อนช่วยให้รู้สึกเย็นสบายเมื่อสวมใส่ และระบายอากาศได้ดี เราจึงเห็นจุดขายในช่วงกางเกงช้างฟีเวอร์เพราะแน่นอนเรื่องใส่สบาย เนื้อผ้าบางเบา แต่กางเกงชิ้นล่างใส่สบายอย่างเดียวคงไม่ได้ อากาศบ้านเราต้องใส่สบายทั้งชุด วาโก้เห็นโอกาสนี้จึงส่งเสื้อกล้ามเข้าประกวด โดยมีทั้งหมด 3 รุ่น 3 สี ได้แก่ สีขาว สีเนื้อและสีน้ำตาล เพื่อให้ Match กับกางเกงลายพิมพ์ที่มีหลากสี เช่น สีดำ สีแดง สีขาว และสีน้ำเงิน เพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงซัมเมอร์ นอกจากเนื้อผ้าฝ้ายแล้ว ยังเสริมฟองน้ำในตัวการันตีความสบายใส่สวยเก๋มีสไตล์ มั่นใจว่าจะเป็นแฟชั่นไอเทมที่หยิบใส่ง่ายไม่ต้องรีด Mix & Match กับกางเกงช้างหรือกางเกงผ้าลายพิมพ์ต่างๆ ยังไงก็ใส่สวย ใส่สบายในวันชิลๆ” 

ซัมเมอร์นี้มีแต่ความคูล ด้วยเสื้อกล้ามวาโก้ X กางเกงช้าง ช้อปเสื้อกล้ามได้แล้วที่วาโก้ 14 สาขาที่ร่วมรายการ วาโก้ช็อป ได้แก่ สาขา MBK, เมญ่าเชียงใหม่เคาน์เตอร์วาโก้ ได้แก่ ห้างสยามพารากอน, ห้างเซ็นทรัล สาขาสีลมคอมเพล็กซ์, พัทยา, ชลบุรี, ป่าตอง, ภูเก็ต, เซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ และเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ รวมถึงโรบินสัน สาขาเชียงใหม่, เชียงราย, โอเชี่ยนจังซีลอน และหาดใหญ่พร้อมช่องทางออนไลน์ www.wacoal.co.th, Shopee, Lazada, Central Online หรือ Facebook | IG | Youtube: Wacoal Thailand, หรือ Add Line: @Wacoal.th เพื่อรับข่าวสารและสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์