Saturday, May 18, 2024
spot_img
Home Blog Page 305

“เทสโต” จับมือ “แฟนต้า” ชวน “ปอนด์ – ภูวินทร์” 2 คู่ซี้สุดซ่าชวนแฟน ๆ ร่วมแคมเปญ “ภารกิจคู่ซ่าแฟนต้าคู่เทสโต” พร้อมมันส์ไปกับแขกคนพิเศษ “ออฟ จุมพล”

0

เทสโต มันฝรั่งแท้ทอดกรอบ ภายใต้การบริหารของ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี จับมือกับ“แฟนต้า” โดย กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญสุดมัน “ภารกิจคู่ซ่า แฟนต้าคู่เทสโต” นับเป็นความร่วมมือกันครั้งแรกของ 2 พันธมิตร ชวนผู้บริโภคร่วมสร้างสรรค์ไอเดียเพิ่มความสนุกในมื้อขนมขบเคี้ยวยามว่างกับสองความอร่อยในรูปแบบภารกิจสุดท้าทาย พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ความมันผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อส่งมอบความสนุกแก่กลุ่มผู้บริโภค Gen Z ร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ภายในงานพบกับ 2 หนุ่มหล่อ คู่จิ้น คู่ฮอต “ปอนด์-ณราวิชญ์ เลิศรัตน์โกสุม” และ “ภูวิน-ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน” ชวนแฟน ๆ ร่วมสนุกในกิจกรรมเจ๋ง ๆ โดยแคมเปญดังกล่าวสะท้อนความสนุกซ่าของ “แฟนต้า” ที่มาพร้อมกับความอร่อยสดชื่นของเครื่องดื่มอัดลมกลิ่นผลไม้หลากหลายรสชาติที่เข้ากับรสชาติของขนมขบเคี้ยวได้อย่างลงตัว อร่อยฟินเต็มคำ ในแบบฉบับของเทสโต และพบกับแขกรับเชิญคนคลูของเบบี๋ “ออฟ-จุมพล อดุลกิตติพร” พรีเซนเตอร์ตัวท็อปจากฝั่งเทสโต

ธีมงานตกแต่งสีสันสดใสสีส้มและสีเขียวตามคอนเซปความซ่าที่มาพร้อมความสดชื่นแบบ “แฟนต้า” ส้ม และมันจัดหอมสาหร่ายแบบเอ็กซ์ตร้าชัด ๆ สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้แฟน ๆ ของทั้ง 3 หนุ่ม “ปอนด์-ภูวินทร์ และ ออฟ” มีโอกาสได้ใกล้ชิดและร่วมสนุกเล่นเกมทํา CHALLENGES กับนักแสดงที่ตัวเองชื่นชอบ โดยภายในงานมีบูทกิจกรรมให้ร่วมสนุก อาทิ เกมส์แฟนต้า x เทสโต ขอท้า!, เกมส์ตะลุยกินกับแฟนต้า x เทสโต

สำหรับผู้เข้าแข่งขันที่ชนะทั้ง 2 เกมส์และทำสามารถเวลาได้ดีที่สุดในการทำ “ภารกิจคู่ซ่า “แฟนต้า” คู่ เทสโต” ครั้งนี้ก็ได้สิทธิ LUCKY FAN ขึ้นไปร่วมสนุกบนเวทีกับปอนด์และภูวินทร์ ซึ่งนอกจากจะได้ใกล้ชิดเล่นกิจกรรมและเกมส์ร่วมกันแล้ว พิเศษสุด ๆ กับโชว์มินิคอนเสิร์ตของ 3 นักแสดงหนุ่มสุดฮอต เรียกได้ว่ามางานเดียวได้ทั้งความสนุก ความมัน ความฟิน ความสุขขนกลับบ้านกันไปอีกด้วย กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ  ATRIUM ONE SIAM CENTER เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา 

#FantaTH #เทสโต #Tasto #ภารกิจคู่ซ่าแฟนต้าคู่เทสโต

เปิดตัว 12 เมนูค็อกเทลซิกเนเจอร์ใหม่ล่าสุด ที่ เอบาร์ รูฟท็อป ในคอนเซ็ปต์ “Districts of Bangkok”

0

“เอบาร์ รูฟท็อป” บาร์สไตล์โอเพ่นแอร์ ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ขอเชิญชวนแขกทุกท่านมาจุดประกายค่ำคืนด้วยค็อกเทลซิกเนเจอร์ใหม่ล่าสุด 12 เมนูที่มาในคอนเซ็ปต์ “Districts of Bangkok” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากย่านประวัติศาสตร์และสถานที่สำคัญต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร โดยทีมมิกซ์โซโลจิสต์มากฝีมือได้เลือกใช้วัตถุดิบ การนำเสนอ หรือสีสันที่สดใส นำมารังสรรค์และถ่ายทอดผ่านเป็นเครื่องดื่ม เพื่อให้คุณได้ค้นพบเรื่องราวเบื้องหลังและพาคุณเข้าไปอยู่ในเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่รสสัมผัสแรก

ลิ้มลองค็อกเทลซิกเนเจอร์ใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อาทิ  “60-Baht-Ticket-Or-So” เครื่องดื่มที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโรงภาพยนตร์เก่าแก่อย่าง “รามา” ในย่านเยาวราช โดยเลือกใช้ส่วนผสมของจีนอย่างงาดำ พร้อมประดับด้วยอักษรจีนแบบดั้งเดิมที่จะส่งความรู้สึกของคุณย้อนกลับไปสู่ยุคอดีตที่มีเสน่ห์ หรือเมนู “Import Export” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจากโรงศุลกากรเก่าในเขตบางรัก หนึ่งในอาคารมรดกที่สำคัญที่สุดของกรุงเทพฯ โดยเครื่องดื่มพิเศษแก้วนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานของวัฒนธรรมสากลที่ไหลผ่านย่านริมน้ำนี้ ผ่านส่วนผสมของไทยเข้ากับเครื่องดื่มนำเข้าจากประเทศอิตาลี และประเทศฝรั่งเศส รังสรรค์ออกมาเป็นเครื่องดื่มที่หรูหราน่าลิ้มลอง นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มอีก 10 เมนูที่พร้อมให้คุณได้ค้นหา คลิกที่นี่ สำหรับเมนูค็อกเทลซิกเนเจอร์เพิ่มเติม

พร้อมเติมความสดชื่นไปกับเมนูเครื่องดื่มสุดพิเศษนี้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 400++ บาทต่อแก้ว ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่เอบาร์ รูฟท็อป เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 17.00 – 01.00 น. (ให้บริการเครื่องดื่มถึง 00.30 น.)
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาโทร. 02 059 5999 อีเมล restaurant-reservations.bkkqp@marriotthotels.com.

“ช้อปสนุก จุใจได้เต็มถัง”  ด้วยบัตรเครดิตอิออน รับบัตรเงินสดเติมน้ำมันสูงสุด40,000 บาท

0

บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) จัดเต็มทุกการช้อปด้วยบัตรเครดิตอิออนคุ้มค่ากว่าที่เคย กับแคมเปญ “AEON Shop Plus 2023 ช้อปสนุก จุใจได้เต็มถัง” รับบัตรเงินสดเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 40,000 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสมตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปผ่านบัตรเครดิตอิออนที่ร่วมรายการ* ณ ร้านค้าชั้นนำทั่วโลก ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2566

ผู้ถือบัตรเครดิตอิออนที่ร่วมรายการเพลิดเพลินกับการช้อปและเติมน้ำมันฟรีได้ง่าย  ๆ เพียงลงทะเบียนผ่าน SMS และกรอกโค้ดเพื่อเลือกรับบัตรเงินสดเติมน้ำมันจากสถานีบริการน้ำมันที่ร่วมรายการ พีทีที สเตชั่น (SPA@) หรือบางจาก (SPB@) ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 16 หลัก (ไม่เว้นวรรค) ส่งมาที่ 4221475 หรือแอปพลิเคชัน AEON Mobile App หรือเว็บไซต์ aeon.co.th

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมติดตามข่าวสารจากอิออนได้ที่เว็บไซต์ aeon.co.th หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AEON Mobile App, Facebook AEON Thana Sinsap และ AEON LINE Official

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

อิ่มอร่อยตลอดวัน กับ PATIO ร้านอาหารคอนเซ็ปต์ใหม่ไม่ซ้ำใครย่านบางนาที่ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้!

0

มาเพลิดเพลินไปกับความบันเทิง อาหาร และความสนุกตลอดทั้งวันได้ที่    ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้! แลนด์มาร์กสำหรับคนรักกีฬาและความบันเทิงแบบครบวงจร ที่ไม่ซ้ำใครในย่านบางนา ด้วยฮิตติ้งเบย์รวม 102 เบย์ บาร์และร้านอาหารรวม 5 ร้าน และพลาดไม่ได้กับ PATIO หนึ่งในร้านอาหารที่ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ที่มาพร้อมกับบรรยากาศสุดผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเลือกนั่งโซนกลางแจ้งหรือในร่ม พร้อมแวดล้อมด้วยความเขียวขจีของ The Puttyard สนามมินิกอล์ฟ 18 หลุมที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ!

PATIO ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ของ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ พร้อมแล้วที่จะให้คุณมาผ่อนคลาย พร้อมรับประทานอาหารรสเลิศในย่านบางนาได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า บรันช์ มื้อกลางวัน และมื้อเย็น ด้วยตัวเลือกเมนูที่หลากหลาย พร้อมด้วยชากาแฟชั้นเลิศ นอกจากนี้ PATIO ยังให้การสนับสนุนเกษตรกร ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ และเปี่ยมคุณประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็น     โยเกิร์ต ชีส ไข่ และข้าว ที่เป็นผลผลิตจากท้องถิ่น

ไม่ว่าคุณกำลังมองหาสถานที่เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่ เพื่อพบปะสังสรรค์กับเพื่อน ๆ และครอบครัว หรือต้องการเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มแสนอร่อยในระหว่างการทำงาน PATIO คือที่ที่เหมาะอย่างยิ่ง! ไม่เพียงเท่านี้พนักงานทุกคนพร้อมให้บริการอย่างเป็นกันเอง ช่วยสร้างช่วงเวลาแห่งความสนุก และน่าตื่นเต้นที่ท็อปกอล์ฟ ให้พิเศษมากยิ่งขึ้น 

PATIO ที่ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ได้รังสรรค์เมนูคอมฟอร์ตฟู้ดที่ทุกคนชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น เมนูสลัด, แซนวิชร้อน, ทาร์ทีน และพาสต้า โดยมีเมนูจานเด็ด อาทิ ท็อปกอล์ฟ เบเนดิกต์, โจ๊กแห้งหมู, แซลมอนรมควัน, กีวีแก้วมังกรโบลว์ และช็อกโกแลตลาวา นอกจากนี้ PATIO ยังเตรียมเมนู Young Players สำหรับเอาใจคุณหนู ๆ ทั้งก่อนและหลัง จากการเล่นที่สนามมินิกอล์ฟ หรือฮิตติ้งเบย์ด้วยอาหารจานโปรดตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็น โอนิกิริแก๊งค์ ท็อปกอล์ฟ ทาร์เก็ต พาสต้า ไก่คาราอาเกะ ไส้กรอกไข่ข้น และของหวานสำหรับเด็ก ๆ  

แดเนียล บูเฮอร์ เอ็กเซกคลูทีฟเชฟ และผู้จัดการความยั่งยืนด้านอาหารของ ท็อปกอล์ฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือการรังสรรค์เมนูที่มีความหลากหลาย แวดล้อมด้วยบรรยากาศสบาย ๆ ในย่านบางนา กับร้านอาหารที่เหมาะสำหรับการมารับประทานได้ตลอดทั้งวัน พร้อมด้วยเมนูที่ทุกคนต้องหลงรัก ซึ่งเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับคอมมิวนิตี้ที่เปี่ยมไปด้วยความสนุกที่ท็อปกอล์ฟ ด้วยอาหารรสเลิศ และทิวทัศน์เขียวขจี ทำให้ PATIO เป็นสถานที่พักผ่อนที่สมบูรณ์แบบ เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้เวลากับเพื่อน ๆ และครอบครัว

PATIO เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 น จนดึก สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://topgolfthailand.com/eat-drink/

PATIO เลือกใช้ไข่ไก่ออร์แกนิค จากแม่ไก่ที่มีความสุขและสุขภาพดี ของชาวเขาทางภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งมั่นใจได้ว่าเป็นไข่ไก่ออร์แกนิคแท้ 100% ปราศจากยาฆ่าแมลง และไม่ผ่านการดัดแปลงทางพันธุกรรม อีกทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารเต็มคุณค่า นอกจากนี้เมนูข้าวสวย และข้าวต้มที่ PATIO ยังเลือกใช้ข้าวคุณภาพสูงจากไร่ทองออร์แกนิกส์ และผลิตภัณฑ์นมระดับพรีเมียม จาก Homemade Cheese Co. ที่ผลิตในกรุงเทพฯ อย่างโยเกิร์ต และชีส ที่ไม่ใส่สารกันบูด หรือสารปรุงแต่ง เพื่อรสชาติที่สดใหม่และเป็นธรรมชาติ 

เพลิดเพลินกับดีลพิเศษ ด้วยแพ็คเกจ 550++ ต่อเบย์ ต่อชั่วโมง โดยรองรับได้สูงสุด 6 คนต่อเบย์ ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี หรือสนุกกับการเล่นระหว่างเวลา 17:00 น. – 22:00 น. ตั้งแต่วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ในราคาเพียง 950++ ต่อเบย์ ต่อชั่วโมง ที่ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ศูนย์รวมความบันเทิง อาหาร และความสนุก โดยมีบาร์และร้านอาหารรวม 5 ร้าน และยังมี Topgolf Academy และ The Puttyard ซึ่งเป็นสนามมินิกอล์ฟ 18 หลุมที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ติดกับศูนย์การค้าเมกาบางนา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.topgolfthailand.com

สร้างรายได้ง่าย ๆ ใน 1 นาทีผ่าน TikTok กับกิจกรรม “The Affiliate Thailand” ในงาน “สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 27”

0

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่มาแรงแซงโค้ง ประสบความสำเร็จไปทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย ปัจจุบัน TikTok ได้ก้าวข้ามจากการเป็นแพลตฟอร์มความบันเทิงไปเป็นพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด หลายคนเลือกแพลตฟอร์มนี้ในการโปรโมทและจำหน่ายสินค้าด้วย 

ความน่าสนใจของ TikTok ทำให้เครือสหพัฒน์เปิดพื้นที่ในงาน สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 27 จัดกิจกรรม The Affiliate Thailand Presented by Saha Group Fair จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ TikTok ประเทศไทย จัดโดย TPCX โดยชวนนักศึกษาและผู้สนใจมาฟังเทคนิคการสร้างรายได้จาก TikTok รวมทั้งเรียนรู้เทคนิคการสร้างแบรนด์ให้ปังบน TikTok และการคิดคอนเทนต์สร้างคลิป TikTok ให้ปังได้ล้านวิว

งานนี้มีเมนเทอร์ชื่อดังมาร่วมพูดคุยและเล่าประสบการณ์ ให้ได้รับความรู้กันไปเต็ม ๆ ไม่ว่าจะเป็น   ดร.ถิรพุทธิ์ปิติฉัตร ผู้ช่วยคณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุณกระทิงเรืองโรจน์พูนผล นักธุรกิจเทคโนโลยีและสตาร์ตอัป คุณหมูณัฐวุฒิพึงเจริญพงศ์ ผู้ก่อตั้ง Ookbee คุณพัณณิดาสุวรรณชัย ผู้บริหาร Tiktok ประเทศไทย และ คุณฮงTiktoker ชื่อดังที่มีผู้ติดตามกว่า 2 ล้านผู้ติดตาม

หลังจากฟังเทคนิคได้รับความรู้กันไปแล้ว ก็มีเวิร์กชอปจับมือสร้างรายได้ง่าย ๆ จากการเป็น Affiliate ผ่านช่อง TikTok แบบไม่ต้องลงทุน และเปิดโอกาสให้ได้ปฏิบัติงานจริง โดยจัดแข่งขันทำคลิปรีวิวสินค้า 1 นาที ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 27 แล้วโพสต์ในช่อง TikTok ของตนเอง

ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมจะได้ส่วนแบ่งรายได้ที่เกิดขึ้นจริงจากคลิปที่ทำ และยังมีรางวัลมอบให้อีก 3 รางวัล ได้แก่ รางวัล Creative Content Award ตัดสินโดยคณะกรรมการจัดงาน รางวัล Popular Award ตัดสินจากยอดวิวสูงที่สุด และรางวัล Top10 Affiliate Award ตัดสินโดยยอด Affiliate สูงที่สุด 10 อันดับ รวมเงินรางวัลกว่า 2 แสนบาท

กิจกรรมนี้ได้รับความสนใจจากนักศึกษาและผู้สนใจกว่า 150 คน และมีผู้ร่วมชมผ่านทางไลฟ์สด เกือบ 2,000 คน เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมที่ทำให้ทุกคนได้เรียนรู้ และยังเปิดโอกาสให้ได้ปฏิบัติจริง เพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้ในอนาคตด้วย

กับกิจกรรม “The Affiliate Thailand” ในงาน “สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 27”

REPSOL เดินหน้าบุกตลาดน้ำมันหล่อลื่นเพื่อรถยนต์และจักรยานยนต์ในประเทศไทย พร้อมส่งมอบ REPSOL Experience ให้ผู้ใช้รถทั่วไทย

0

บริษัท เวิลด์ เอนเนอร์เจีย จำกัด ตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น REPSOL (เรปโซล) จัดงานเปิดตัวน้ำมันหล่อลื่น REPSOL โฉมใหม่ ภายใต้นวัตกรรมแบบ Beyond Innovation ประกาศการเริ่มต้นยุคใหม่ของแบรนด์ REPSOL ในประเทศไทย ขยายตลาดต่อยอดความยั่งยืนและมั่นคง ชูจุดแข็งน้ำมันหล่อลื่นจากเทคโนโลยีวิจัยและผลิตขั้นสูงสุด ผนึกกำลังกับบริษัท ออโต้ บิสซิเนส คอร์ปอเรชั่น จำกัด พันธมิตรธุรกิจในฐานะ REPSOL Authorize National Dealer เพื่อกระจายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถยนต์และจักรยานยนต์ให้ครอบคลุมและเข้าถึงผู้ใช้งานทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมเดินหน้าตาม        กลยุทธ์ธุรกิจ ภายใต้เป้าหมายการนำแบรนด์สู่การเป็นสุดยอดแบรนด์น้ำมันหล่อลื่นนำเข้าระดับพรีเมียมที่ครองใจผู้ใช้งานทั่วประเทศ

            เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 บริษัท เวิลด์ เอนเนอร์เจีย จำกัด ตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น REPSOL แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น REPSOL โฉมใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศความเชื่อมั่นในแบรนด์ REPSOL ถึงการเป็นบริษัทพลังงานระดับโลก และวิสัยทัศน์ที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจในการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนได้ในอนาคต สู่เป้าหมายธุรกิจผ่านพันธกิจหลักในการส่งมอบประสบการณ์ความสุข และสนุกทุกการขับขี่จากนวัตกรรมและเทคโนโลยีของ REPSOL ให้กับผู้ใช้งาน ผ่านการสร้างเครือข่าย REPSOL Family ที่มั่นคง เชื่อมโยงร้านค้ากับผู้ใช้งาน เพื่อการเป็นสุดยอดแบรนด์น้ำมันหล่อลื่นที่ครองใจผู้ใช้งานทั่วประเทศ

คุณชาติชาย ศรีบูรณศร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท เวิลด์ เอนเนอร์เจีย จำกัด

“พันธกิจหลักของเรา คือ การส่งมอบประสบการณ์ REPSOL จากการวิจัย คิดค้น และพัฒนา นวัตกรรมและเทคโนโลยี ภายใต้การทำงานอย่างมุ่งมั่นทุ่มเทใน REPSOL Technology Lab เพื่อให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสการขับขี่ที่ได้รับการดูแลและปกป้องเครื่องยนต์ที่เหนือกว่าจากน้ำมันหล่อลื่น REPSOL และเราตั้งเป้าที่จะผลักดันให้ REPSOL เป็นแบรนด์น้ำมันหล่อลื่นนำเข้าอันดับต้นๆ ในใจของผู้บริโภค” นายชาติชาย ศรีบูรณศร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท เวิลด์ เอนเนอร์เจีย จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัวน้ำมันหล่อลื่น REPSOL (เรปโซล) โฉมใหม่ในครั้งนี้

ด้วยความท้าทายและเป้าหมายทางธุรกิจสู่พันธกิจที่จะนำแบรนด์ REPSOL ก้าวขึ้นเป็นที่สุดของน้ำมันหล่อลื่นนำเข้าระดับพรีเมียมในประเทศไทย บริษัท เวิลด์ เอนเนอร์เจีย จำกัด จึงร่วมมือกับ REPSOL สำนักงานใหญ่ ประเทศสเปน เดินหน้าวางแผนกลยุทธ์หลัก พัฒนาสินค้าที่ใช่ ตอบโจทย์ครอบคลุมทุกการใช้งาน โดยออกแบบและพัฒนาน้ำมันหล่อลื่นเพื่อตลาดประเทศไทยโดยเฉพาะ ควบคู่การทำการตลาดและสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงและมั่นคง ผ่านกิจกรรมเชิงรุกเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า พร้อมพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมและเข้าถึงผู้บริโภค อาศัยจุดต่างที่แข็งแรงจากทรัพยากรผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานระดับแนวหน้าใน REPSOL Technology Lab ที่ไม่หยุดยั้งในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้งาน ควบคู่ภารกิจหลัก “Net Zero Emissions 2050” ของ REPSOL สเปน ที่มุ่งการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็น 0 ภายในปี 2050

นอกจากนี้ภายในงานยังมีการเปิดตัวนักแข่งระดับท็อป มาร่วมพูดคุยและแชร์ประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์และการแข่งขัน เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นน้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสูง เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาเพื่อการแข่งขันในรายการระดับโลกอย่าง Moto GP สู่การขับขี่บนท้องถนนในชีวิตประจำวัน พร้อมการันตีคุณภาพของน้ำมันหล่อลื่น REPSOL ด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมันหล่อลื่น 4 กลุ่มหลัก ที่ตอบโจทย์การใช้งานทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ ได้แก่

  1. กลุ่ม RACING น้ำมันหล่อลื่นรถจักรยานยนต์เพื่อตอบโจทย์การใช้งานทั้งในสนามแข่งและบนท้องถนน
  2. กลุ่ม SMARTER น้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถจักรยานยนต์เพื่อการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่
  3. กลุ่ม ELITE น้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถยนต์ สูตรเหนือระดับจากเทคโนโลยีขั้นสุด เพื่อรถยนต์ยุโรป เครื่องยนต์สมรรถนะสูง รับรองมาตรฐานการจากค่ายรถยุโรปชั้นนำ
  4. กลุ่ม LEADER น้ำมันหล่อลื่นรถยนต์สูตรใหม่ มาตรฐานสูงสุด พัฒนาเพื่อการปกป้องเครื่องยนต์ขั้นสุด มาพร้อมตัวเด่นอย่าง LEADER CK-4 น้ำมันเครื่องดีเซล แกลลอน 7 ลิตร สำหรับรถกระบะดีเซล ตอกย้ำภาพผู้นำด้านน้ำมันเครื่องดีเซล แกลลอน 7 ลิตรรายแรกในประเทศไทย

ซึ่งทางบริษัท เวิลด์ เอนเนอร์เจีย จำกัด ยังมีแผนในการขยายตลาด เจาะกลุ่มรถยนต์เชิงพาณิชย์บรรทุกหนัก และกลุ่มน้ำมันหล่อลื่นอุตสาหกรรม เตรียมดันสินค้ากลุ่ม GIANT และ MAKER ลุยตลาดต่อไป

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ของ REPSOL สามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line @repsolthai  โทร. 02 125 3949 หรือทางเพจ REPSOL Lubricants Thailand และ REPSOL Motorcycle Oil Thailand

ICONCRAFT ชวนสัมผัสความสนุกกับการสวมใส่แฟชั่นคราฟต์ไทย ในแคมเปญ“Accessories & Style” เชิดชูงานอัตลักษณ์ไทย

0

ไอคอนคราฟต์  (ICONCRAFT)  พื้นที่แห่งงานฝีมือสุดสร้างสรรค์ของคนไทย ชวนสัมผัสสุดยอดแบรนด์แฟชั่นไทยคราฟต์โมเดิร์นที่เต็มไปด้วยความสนุกและสร้างสรรค์จากไทยดีไซเนอร์แนวหน้าของประเทศ ในแคมเปญ “ICONCRAFT Accessories & Style” ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2566 ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 – 5 ไอคอนสยาม และ ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่

“ICONCRAFT Accessories & Style”  สนุกกับการสวมใส่แฟชั่นคราฟต์ไทยสร้างสไตล์ใหม่อันเป็นเอกลักษณ์  ในคอนเซ็ปต์ “Enchanting Thai Modern style Fashion, Exquisite and Unique” สัมผัสกับหลากหลายแบรนด์แฟชั่นไทยคราฟต์โมเดิร์นที่เต็มไปด้วยความสนุกและสร้างสรรค์จาก ไทยดีไซเนอร์ ที่รังสรรค์ผลงานคราฟต์ร่วมสมัย ให้คุณสนุกกับการ Mix & Match ได้ทุกวัน  จากหลากหลายแบรนด์แฟชั่นไทยชั้นนำ อาทิ 247 STUDIO, AIBELLE, BOONYARAT THAI CRAFT, ETHNICA BAZAAR, KAMONMANEE, GALERIE DE HIMMAPAN, KEAR STORE, SALETE และอื่นๆ อีกมากมาย

เริ่มต้นด้วยแบรนด์247 STUDIO แบรนด์ที่รังสรรค์ผลงาน “หัตถกรรมร่วมสมัย” โดยนำเอาเอกลักษณ์ของหัตถกรรมไทยที่พบเห็นได้ทั่วไป เช่น ศิลปะการสานไม้ไผ่ หรือทำตุ้มนกตุ้มหนูของชาวไทดำ มาพัฒนาให้เกิดความทันสมัย โดยทางแบรนด์ได้พยายามผสมผสานความประณีตสวยงามของหัตถกรรมกับเทคนิคที่ใช้ในการผลิตสินค้าแฟชั่นในปัจจุบัน กลายมาเป็นผลงานสุดสร้างสรรค์ ที่ยังคงเอกลักษณ์ของหัตถกรรมไทยพื้นบ้านไว้ได้อย่างครบถ้วน

 สวยแบบใส่ใจสิ่งแวดล้อมกับ แบรนด์AIBELLEแบรนด์ที่เป็น Sustainable Fashion ที่นำเอาเศษผ้าเหลือจากโรงงานผ้าถัก มาสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยเทคนิคพิเศษ จนกลายมาเป็นผลงานสุดล้ำจากเส้น “เชือกถัก” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ พร้อมให้ทุกคนโอบรับวันใหม่ด้วยความสดใสของเครื่องประดับ และกระเป๋าคราฟต์ดีไซน์สุดสร้างสรรค์ และทั้งนี้จุดเด่นของแบรนด์ที่นอกเหนือจากเส้นเชือกถักแล้ว ก็คือสีสันอันสดใสของเส้นด้ายที่สามารถดึงพลังงานบวกให้แก่ผู้ที่สวมใส่ กับความรู้สึกที่เหมือนได้เดินทางกลับไปสู่วัยเยาว์อีกครั้ง

ถัดมาขอแนะนำBOONYARAT THAI CRAFTแบรนด์กระเป๋าย่านลิเภาไทยเท่จากชุมชนคราฟต์ จ.นครศรีธรรมราช ที่ปรากฎตัวบนรันเวย์ระดับโลกมาแล้วอย่างนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Tokyo Gift Show 2017, รันเวย์เปิดแบรนด์ SIRIVANNAVARI ที่ปารีส และรันเวย์ของแบรนด์เสื้อผ้า POEM ไม่เพียงเท่านี้ คอลเลคชั่น Flow and Glow ลายน้ำไหลซิกเนเจอร์ของแบรนด์ยังคว้ารางวัลออกแบบยอดเยี่ยม DEmark ในปี 2018 อีกด้วย  แบรนด์นี้โดดเด่นด้วยการนำงานคราฟต์ไทยเข้าสู่ชีวิตประจำวันของคนเมืองและคนรุ่นใหม่ ใช้การออกแบบเข้ามาปรับลุคควบคู่ไปกับการใช้งานให้ทันสมัย ไม่เพียงแต่จะถือสำหรับออกงานสำคัญเพียงอย่างเดียว ทางแบรนด์ยังออกแบบให้เป็นกระเป๋าใบเก่งที่ใช้สะพายได้ทุกวัน และสิ่งสำคัญคือ บุญญารัตน์ไทยคราฟต์ยังคงเทคนิคการจักสานย่านลิเภาดั้งเดิม ที่คราฟต์ทุกกระบวนการด้วยสองมือช่างชุมชนที่สืบทอดมากว่า 40 ปี ให้ได้กระเป๋าย่านลิเภาไทยโมเดิร์นที่ครบถ้วนด้วยความงดงามแบบฉบับคราฟต์ ตั้งแต่การจักและรีดให้ได้เส้นย่านลิเภาที่เล็ก ละเอียด ทนทาน และเหนียวแน่น

“ETHNICA BAZAAR” แบรนด์กระเป๋าสานหูไม้แฟชั่นฝีมือคนไทย ได้รับการออกแบบจากความหลงใหลในงานฝีมือชุมชนและเสน่ห์ของลวดลายท้องถิ่นที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้ ทางแบรนด์ออกแบบกระเป๋าสานหูไม้โดยการผสมผสานงานพิมพ์แบบดั้งเดิมที่ไม่เหมือนใคร ให้เข้ากับสีสันที่เข้มข้นและมีชีวิตชีวา เพื่อทำให้แต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และดำเนินการทออย่างพิถีพิพิถันโดยช่างฝีมือไทยแท้ เพื่อสืบสานภูมิปัญญาและงานฝีมือท้องถิ่นจากรุ่นสู่รุ่นอย่างแท้จริง

ของดีจากภาคใต้ ต้องแบรนด์ “KAMONMANEE” แบรนด์กระเป๋าถือผ้าปาเต๊ะจากภูเก็ต หนึ่งในเอกลักษณ์ของชาวภาคใต้ ภูมิปัญญาที่มีมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่น ผ้าปาเต๊ะคือผ้าที่เป็นวัฒนธรรมของผู้คนในคาบสมุทรมาลายู ชาวสาวภูเก็ตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจะนิยมนุ่งผ้าปาเต๊ะกันเป็นอย่างมาก และจับมาแมทช์กับทุกอย่างจนกลายเป็นแฟชั่นที่คุ้นตาของคนทั้งโลก  แบรนด์นี้ดีไซน์ออกมาให้เป็นกระเป๋าที่มีคุณภาพแข็งแรง มีดีไซน์สีสันสวยงามน่าใช้ ส่วนใหญ่เป็นลายจากธรรมชาติ ดอกไม้ ใบไม้ และอาจมีลายกราฟิกผสมเข้าไป จะมีเนื้อสัมผัสที่นิ่ม เนียนละเอียด ผลิตจากคอตตอน 100% ลายเป็นลายโบราณ         แพทเทิร์นลายดอกไม้ มีซับในลายผ้าปาเต๊ะที่ด้านใน และมีช่องใส่กระเป๋า มีการต่อลายผ้า และมีตุ้งติ้งห้อยเพิ่มความสวยงาม บางไอเท็มมีหูจับเป็นไม้ และต่อผ้ากับกระเป๋าสาน ทำให้ได้กระเป๋าที่เก๋ไม่ซ้ำใคร

แบรนด์พับจีบสุดวิจิตร “GALERIE DE HIMMAPAN” ที่มีรูปแบบลวดลายและโทนสีที่มีความร่วมสมัย ทำให้พัดดังกล่าวสามารถใช้งานได้ในทุกโอกาส แคมเปญนี้ทางแบรนด์ได้นำเสนอพัดจีบ Summer Collection 2023 เหมาะสมกับเครื่องแต่งกายที่หลากหลาย มีความ Unisex สามารถใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง และเหมาะเป็นอย่างยิ่งเมื่อนำมา Mix & Match กับชุดไทย ทางแบรนด์ได้ออกแบบมาทั้งหมด 2 ชุดด้วยกัน โดยแบ่งเป็นคอลเลคชั่น Trail of the flowers: การเดินทางของดอกไม้, The Origami: ความสมมาตร และ Men’s Collection: สำหรับสุภาพบุรุษ โดยลวดลายทั้งหมดได้รับแรงบันดาลใจจากกระเบื้องที่ถูกตัดออกมาและประกอบเข้าใหม่เป็นลวดลายดอกไม้และอื่นๆ ที่งดงามอันประดับอยู่ในสถาปัตยกรรมไทยเช่น วัดอรุณราชวราราม และ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม นอกจากนี้ยังมีคอลเลคชั่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามของความสมดุลที่ปรากฏในการตัดกระดาษของจีนและการพับกระดาษของญี่ปุ่น โทนสีที่นำมาใช้เป็นโทนสีไทยโทนทั้งหมดอ้างอิงจากหนังสือ Thai Textiles Trend Book SS2023

“KEAR STORE” แบรนด์กระเป๋าขวัญใจคนรุ่นใหม่ มาพร้อมด้วยดีไซน์สวยงามขนาดกำลังดี ตัวกระเป๋าไม้ไผ่ทรงกลมสานด้วยมือจากฝีมือคนไทยแท้ อีกทั้งยังร่วมผสมผสานงานฝีมือแบบดั้งเดิมของไทย พร้อมยังให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพและความประณีต และวัสดุทุกอย่างที่ทางแบรนด์คัดสรรมานั้นมีความคงทนและช่วยต่ออายุการใช้งานได้เป็นอย่างดี

SALETE” แบรนด์กระเป๋าไหมแท้ทอมือ ที่ได้หยิบยกเอาผ้าไหมและผ้าทอของไทยมาออกแบบให้มีรูปทรงและลวดลายแบบเรียบง่ายแต่ให้ความหรูและสวยงามเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังโดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่ร่วมสมัยที่มาพร้อมกับการใช้งานที่คล่องตัวและยังสามารถใช้ได้เกือบทุกโอกาส

สิทธิพิเศษ!!! สมาชิก VIZ ที่มี ONESIAM SuperApp เมื่อซื้อสินค้าจากแบรนด์อื่นๆ ครบตามเงื่อนไข ณ ไอคอนคราฟต์ ไอคอนสยามแลกรับส่วนลดท้ายใบเสร็จมูลค่าสูงสุด 500 บาท ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2566   มาร่วมสัมผัสความสนุกไปกับการ Mix & Match สุดยอดแฟชั่นคราฟต์ไทยอันเป็นเอกลักษณ์ ได้แล้ววันนี้กับแคมเปญ  “ICONCRAFT Accessories & Styleตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2566 ที่ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 – 5 ไอคอนสยาม และ ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1338 หรือ FB: ICONCRAFT

ใหม่! HUAWEI MatePad 11.5 แท็บเล็ตเพื่อการโน้ตที่มากกว่าด้วยแอป HUAWEI Notes เชื่อมต่อควบคู่กับปากกาและคีย์บอร์ดให้การทำงานอัฉริยะเหมือนแล็ปท็อปขนาดพกพาเพียง 9,990 บาท

0

นับตั้งแต่เปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นแรกในปี 2013 หัวเว่ยได้พัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตมาพร้อมฟังก์ชันครบครันอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดหัวเว่ยเดินหน้าเปิดตัว HUAWEI MatePad 11.5  แท็บเล็ตรุ่นใหม่ตอบโจทย์การทำงานสำหรับคนทำงานรุ่นใหม่รวมถึงนักศึกษา เข้าถึงแอปการโน้ตยิ่งกว่าโน้ตด้วยฟีเจอร์ครบครันบน HUAWEI MatePad 11.5 เมื่อใช้งานควบคู่กับปากกา HUAWEI M-Pencil 2nd generation และยังสามารถเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ด เมาส์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ[1] เพื่อการใช้งานราวกับแลปท็อปกะทัดรัด ให้คุณเพลิดเพลินประสบการณ์แบบจุใจบนหน้าจอใหญ่ 11.5 นิ้ว อัตรารีเฟรชสูงสุด 120 Hz ไม่มีสะดุดผ่านชิปเซ็ตขนาดเล็กเพียง 4nm พร้อมแบตใหญ่สะใจ 7700 mAh ทั้งหมดในขนาดบางเพียง 6.85 กรัมและเบาแค่ 499 กรัม[2]เท่านั้น

ทำงานเต็มที่ผ่านปลายปากกา HUAWEI M-Pencil 2nd generation ด้วยแอป HUAWEI Notes

HUAWEI M-Pencil 2nd generation ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจดบันทึกได้อย่างสะดวกด้วยปากกามีความหน่วงต่ำพิเศษ 2ms. และรองรับความไวต่อแรงกด 4,096 ระดับ และเมื่อทำงานร่วมกับแอป HUAWEI Notes แอปจดโน้ตที่พัฒนาขึ้นโดยหัวเว่ยเพื่อยกระดับการจดโน้ตจากแท็บเล็ตได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น สามารถดีไซน์หน้าปกสมุดโน้ต จัดประเภทโฟลเดอร์บันทึก เพื่อความสะดวกสำหรับเรียกใช้งาน รองรับการป้อนข้อมูลด้วยลายมือ รวมทั้งฟีเจอร์ Take Snippet ใช้งานปากกาในการตัดภาพ ข้อความ และเคลื่อนย้ายรูปภาพได้อย่างอิสระและสามารถซูมภาพแคนวาสได้ถึง 15 เท่า เอาใจสาย Multi-taking โดยสามารถเปิดโน้ตได้สูงสุด 4 โน้ตพร้อมกัน อีกทั้งฟีเจอร์ Super Hub ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานลากโอนย้ายไฟล์ภาพ และข้อความจากเว็บอื่น หรืออุปกรณ์อื่นได้อยากสะดวกรวดเร็ว และเพื่อประสิทธิภาพการใช้งานเหมือนแล็ปท็อป HUAWEI MatePad 11.5 ยังรองรับการเชื่อมต่อ HUAWEI Smart Keyboard แป้นพิมพ์ขนาดมาตรฐาน มีระยะการกดระหว่างปุ่ม 1.5 มม. ไม่ต่างจากคีย์บอร์ดของพีซีทั่วไป รวมถึงอุปกรณ์แก็ดเจ็ตอื่น ๆ เช่น เมาส์ จอมอนิเตอร์ เป็นต้น และยังรองรับแอปออฟฟิศระดับพีซีด้วยแอป WPS Office โดยมีฟีเจอร์และเครื่องมือการทำงานอย่างครบครัน

ใช้งานสบายตา ไหลลื่นสบายใจไม่มีสะดุดด้วยหน้าจอใหญ่ 11.5 นิ้ว อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz


[1] HUAWEI M-Pencil 2nd generation และ HUAWEI Smart Keyboard จำหน่ายแยกต่างหาก

[2] ขนาดและน้ำหนักโดยประมาณ ผลิตภัณฑ์จริงอาจแตกต่างเล็กน้อย

เต็มตาด้วยหน้าจอ HUAWEI FullView Display ขนาด 11.5 นิ้ว มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 86%[1] แบบ 3:2 มอบพื้นที่การรับชมที่ใหญ่กว่าหน้าจอ 16:9 ทั่วไป ตอบโจทย์สำหรับทั้งการงานและงานครีเอทีฟ อัตราการรีเฟรช 120Hz[2] และความละเอียด 2200 x 1440 ให้การรับชมที่คมชัด นอกจากนี้ยังผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland Low Blue Light ลดการปล่อยแสงสีฟ้าและการกะพริบของหน้าจอทำให้คุณสามารถดูหน้าจอได้นานหลายชั่วโมงโดยไม่เมื่อยสายตา

ทรงพลังด้วยชิปเซ็ตแรง 4nm พร้อมแบตเตอรี่จุใจขนาด 7700 mAh

HUAWEI MatePad 11.5 มาพร้อมขุมพระชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 ประสิทธิภาพสูงที่มีกระบวนการ 4 นาโนเมตร และรองรับ Wi-Fi 6 เสาอากาศคู่ 2×2 MIMO และแบนด์วิดท์ 160 MHz เพิ่มอัตราการดาวน์โหลด 368%[3]  เพื่อมอบประสิทธิภาพการเล่นเกมที่เร็งแรงรวมทั้งเปิดใช้งานหลายแอปพร้อมกันได้โดยที่เครื่องยังทำงานได้อย่างลื่นไหลแถมใช้พลังงานน้อยลง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 7700 mAh ซึ่งใช้งานได้ยาวนานกว่า 37 วัน[4] รองรับการเล่นวิดีโอแบบต่อเนื่องสูงสุด 10.5 ชั่วโมง การประชุมออนไลน์ 6.3 ชั่วโมง อีกทั้งรองรับการชาร์จเร็วที่ 20W สามารถทำงานนอกสถานที่ทั้งวันได้แบบสบายๆ


[1] ข้อมูลมาจากห้องปฏิบัติการของหัวเว่ย การวัดจะขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่มองเห็นได้ของหน้าจอตามสัดส่วนของขนาดหน้าจอ สินค้าจริงจะมีผลแตกต่าง

[2] รองรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120 Hz อัตราการรีเฟรชหน้าจออาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแอปหรือเกมนั้นๆ

[3] เทียบกับ HUAWEI MatePad 10.4 นิ้ว ข้อมูลมาจากห้องปฏิบัติการของหัวเว่ย

[4] ข้อมูลมาจากห้องปฏิบัติการของหัวเว่ยและอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ เวอร์ชันของซอฟต์แวร์ พฤติกรรมการใช้งาน และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม

ทรงสวย วัสดุทนด้วยโลหะทั้งชิ้น Unibody บางเพียง 6.85 มม. เบา 499 กรัม

โดดเด่นด้วยดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Uni-Body ใช้การออกแบบตัวเครื่องแบบชิ้นเดียวโดยตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมอัลลอยด์ทั้งชิ้น  ซ่อนเสาอากาศแม่เหล็กแบบ Cavity Slot Magnetic เพื่อให้ตัวเครื่องไร้รอยต่อโดยไม่มีช่องว่างใดๆ เพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณให้ดียิ่งขึ้น เสริมความสวยงามของตัวเครื่องด้วยโทนสี Space Grey พกพาได้สะดวกในชีวิตประจำวันด้วยน้ำหนักเพียง 499 กรัม และตัวเครื่องบางเพียง 6.85 มม.

เป็นเจ้าของก่อนใครกับโปรโมชันสุดคุ้ม

HUAWEI MatePad 11.5 (6+128GB) รุ่น WiFi Version วางจำหน่ายในราคา 9,990 บาท พร้อมโปรโมชัน รับฟรี ปากกา HUAWEI-M Pencil รุ่นที่ 2 มูลค่า 4,490 บาท และ สิทธิ์รับชม WeTV VIP 3 เดือน มูลค่า 429 บาท เมื่อสั่งซื้อตั้งแต่ 21 กรกฎาคม 2566 – 8 สิงหาคม 2566 ทางหน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ รวมทั้งช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ HUAWEI Store ร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนแพลตฟอร์ม Lazada และ Shopee


สามารถติดตามรายละเอียดโปรโมชันอื่นๆ ได้ทาง Huawei Mobile TH และรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชันที่นี่

มาเซราติ ชวนชมหนังสั้นเรื่องใหม่ จากผลงานการกำกับของ แฟร์ซาน ออสปีเต็ค

0

ค่ายยนตรกรรมสุดหรูสัญชาติอิตาลีได้เผยตัวอย่างหนังสั้น ที่เป็นผลงานการสร้างสรรค์โดย แฟร์ซาน ออสปีเต็คอัจฉริยะแห่งวงการภาพยนตร์

มาเซราติเผยตัวอย่างหนังสั้นเรื่องล่าสุด ‘Companions on a Journey’ จากผลงานการสร้างสรรค์
ของ แฟร์ซาน ออสปีเต็ค (Ferzan Özpetek) ผู้กำกับมือรางวัลแห่งวงการภาพยนตร์ ที่จะพาผู้ชมไปสัมผัส
กับเรื่องราวสุดพิเศษบอกเล่าถึงสายสัมพันธ์ในครอบครัว ความหลงใหลในยนตรกรรม และท่วงทำนองของชีวิต

หนังสั้นที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนติดตามที่มีฉากหลังสุดงดงามของประเทศอิตาลี ว่าด้วยเรื่องราวของสามพี่น้อง
ที่มุ่งหน้าออกเดินทางข้ามคาบสมุทรเพื่อกลับไปหาพ่อของพวกเขา ซึ่งเป็นนักวาทยากรแห่งวงออเคสตร้าชื่อดัง พร้อมกับของขวัญสุดอัศจรรย์

เรื่องราวสุดอบอุ่นยังมีการสอดแทรกเอกลักษณ์ความโดดเด่นของตัวละครสามพี่น้อง ซึ่งจะเล่าผ่านการเดินทางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ พร้อมกับรถยนต์ที่สะท้อนความเป็นตัวตนของพวกเขา ได้แก่ ซูเปอร์คาร์เปิดประทุน มาเซราติ เอ็มซี20 แชร์โล (MC20 Cielo) รถสปอร์ตระดับไอคอน มาเซราติ กรันทูริสโม (GranTurismo)
และสปอร์ตเอสยูวีภายใต้แนวคิด ‘Everyday Exceptional’ มาเซราติ เกรคาเล่ (Grecale) ซึ่งเป็นการหลอมรวมของสามจิตวิญญาณอันเป็นตำนานแห่งยนตรกรรม

เตรียมพบกับเรื่องราวการผจญภัยอันน่าหลงใหลที่จะบอกเล่าความสัมพันธ์อันแสนพิเศษระหว่างมนุษย์ รถยนต์ หัวใจ และศิลปะ พร้อมสัมผัสกับยนตรกรรมมาเซราติอันทรงพลังที่พร้อมสะกดทุกสายตา ในผลงานการรังสรรค์ผ่านมุมมองของ แฟร์ซาน ออสปีเต็ค เร็วๆ นี้

รับชมตัวอย่างภาพยนตร์สั้นได้ที่นี่ https://youtu.be/OgknNnDTRLQ

อาวดี้ รุกต่อเนื่อง เปิดตัว Audi Q8 e-tron เทคโนโลยี เจเนอเรชั่นล่าสุด สร้างมาตรฐานใหม่รถไฟฟ้า พรีเมียมเซกเมนต์

0

นับเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตา เมื่ออาวดี้ประกาศโรดแมปเตรียมเปิดตัวรถไฟฟ้า 100% กว่า 10 รุ่น ภายในปี 2025  พร้อมประกาศกร้าวภายในสิ้นทศวรรษนี้ อาวดี้จะผลิตกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากฐานการผลิตทุกแห่งทั่วโลก 

นายอเล็กซานเดอร์ วอน วาลเด็นเบอร์ก เดรสเซล ผู้อํานวยการฝ่ายต่างประเทศ กลุ่มประเทศอาเซียน ไต้หวัน อินเดีย และยุโรปตะวันออก บริษัท AUDI AG เปิดเผยว่า“นับจากปี 2026 เป็นต้นไป อาวดี้จะก้าวเข้าสู่ยุค           ยนตรกรรมไฟฟ้าแห่งโลกอนาคตเต็มขั้น ความมุ่งมั่นภายใต้กลยุทธ์ Vorsprung 2030 แผนการเปิดตัวรถรุ่นใหม่สู่ตลาดโลกจะเป็นรถไฟฟ้า 100% เส้นทางสู่ e-mobility ของอาวดี้นั้นถือเป็นการก้าวไปสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าครั้งสำคัญที่ทำให้เราได้เตรียมความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนารถรุ่นใหม่ใน Product portfolio การพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะความสามารถ รวมไปจนถึงแผนการดำเนินการ เพื่อเตรียมสายการผลิตทั่วโลกให้พร้อมรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% และการขยายตัวอย่างยั่งยืน”  

นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด หรือ อาวดี้ ประเทศไทย กล่าวถึงการเปิดตัว Audi Q8 e-tron รถไฟฟ้า 100% ซึ่งถือเป็น The Next Chapter of Premium Sport SUV “นี่คือนิยามบทใหม่ของยนตรกรรมไฟฟ้าแห่งโลกอนาคต การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Concept car ตระกูล Sphere วันนี้ได้กลายเป็นจริงบนท้องถนนแล้ว Audi Q8 e-tron ถือเป็นนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนโลกยานยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมไปตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ใหม่สุดล้ำสมัย เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ และสมรรถนะอันยอดเยี่ยมเพื่อสร้างโลกที่น่าอยู่และยั่งยืน

Audi Q8 e-tron เป็นรถไฟฟ้า 100% ของ Audi ที่ขับสนุก เต็มไปด้วย Performance มาพร้อมกับดีไซน์ที่ถือว่าเป็น Best Aerodynamic in class แบตเตอรีเจเนอเรชั่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาให้มี Capacity ใหญ่ขึ้น ความจุถึง 114 kWh ทำให้เมื่อชาร์จแบตเตอรีเต็มแล้วสามารถวิ่งได้ระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร ตัวรถและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีความสดใหม่ มั่นใจเมื่อขับขี่ด้วย Handling ที่แม่นยำ ช่วงล่างนุ่มสบาย เกาะถนนสุดๆ ด้วย e-quattro เป็นการขับขี่ที่ตอบสนองความคาดหวัง และผู้ขับขี่อยากได้จากรถ”

Audi Q8 e-tron Sportback 55 S line Black edition

The Best Driving Range in class ไม่ว่าไลฟ์สไตล์จะเป็นแบบไหนก็ออกเดินทางได้อย่างไร้กังวล เพราะแบตเตอรี Generation ใหม่ของ Audi Q8 e-tron มีความจุถึง 114 kWh ทำให้ได้ระยะทางวิ่งได้ไกลถึง 636 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง แบตเตอรีถูกพัฒนาใหม่ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ไม่ใช่แค่วิ่งได้ไกลขึ้น แต่ก็ชาร์จเร็วกว่าเดิมเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น (31 นาที กับการชาร์จด้วยกระแสไฟ DC 170 kWh)

Audi Q8 e-tron Sportback นำเสนอรถไฟฟ้าพรีเมียมในมุมมองใหม่ ด้วยการเป็น Everyday electric car ระยะทางวิ่งไฟฟ้าที่ไกลถึง 636 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง พร้อมใช้เวลาชาร์จได้เร็วกว่าเดิมเพียงครึ่งชั่วโมง พละกำลังสูงสุด ให้ประสบการณ์การขับขี่แบบ Sport ด้วยแรงม้า 408 hp กับแรงบิดที่สูงถึง 664 Nm เร่งแซงทันใจ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 5.6 วินาที ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ Electric quattro ช่วงล่างถุงลมแบบ Sports

Driving performance ถึงแม้เป็นรถไฟฟ้าก็ไม่ทิ้ง DNA ความขับสนุก Handling ที่แม่นยำ เกาะถนน พร้อมe-quattro ที่เป็น New Generation เทคโนโลยีล่าสุดของระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะที่เป็น DNA ของอาวดี้ รวมถึงความปลอดภัยที่เป็นจุดเด่นในเรื่อง Performance ของ Audi

Design & Sporty perspective

พบกับ New Design language สุดล้ำสมัย สะท้อนความเป็นผู้นำแห่งโลกยนตรกรรมไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ ดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Concept car ในตระกูล Sphere ครั้งแรกกับการเผยโฉม “มุมมองใหม่ของรถไฟฟ้า Sport Premium SUV” ดีไซน์ New Grille design และ 2D logo มาพร้อมกับไฟ Projector lighting พร้อมเอฟเฟกต์ไฟแบบ Light staging กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่ไม่ได้ตอบโจทย์แค่เพียงความสวยงามแต่ยังช่วยในเรื่อง Aerodynamics ของตัวรถ  (พร้อมชุดแต่งภายนอก Black edition และ S line ทั้งภายในและภายนอก) ห้องโดยสารที่ถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ผสานดีไซน์ความสปอร์ตและความพรีเมียมเข้าด้วยกัน 

  • จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว
  • ระบบ MMI Navigation plus ขนาด 10.1 นิ้ว สั่งการง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
  • เพลิดเพลินกับเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ
  • เบาะนั่งหุ้มหนัง Valcona พร้อมเบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sports plus ตกแต่งสัญลักษณ์ S line
  • โปร่งสบายด้วย Panoramic glass sunroof

อาวดี้ ประเทศไทย นำเข้ารถไฟฟ้า Q8 e-tron 2 Body-type ทั้งแบบ SUV และ Sportback แบ่งออกเป็น 4 รุ่นย่อย

  • Q8 e-tron 50 quattro – ระยะทางวิ่งไฟฟ้า 530 km. ราคา 4,699,000 บาท
  • Q8 e-tron 55 quattro Black Edition – ระยะทางวิ่งไฟฟ้า 621 km. ราคา 5,499,000 บาท
  • Q8 Sportback e-tron 50 quattro S line – ระยะทางวิ่งไฟฟ้า 542 km. ราคา 4,999,000 บาท
  • Q8 Sportback e-tron 55 quattro S line Black edition – ระยะทางวิ่งไฟฟ้า 636 km. ราคา 5,799,000 บาท

เปิดให้จองในสี Magnet grey, Chronos grey, Glacier white, Mythos black, Plasma blue และ Soneira red และพร้อมส่งมอบตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 ปี 2023 เป็นต้นไป 

รถไฟฟ้า Audi e-tron และรถ Plug-in Hybrid TFSI e ใหม่ทุกรุ่น รับประกันแบตเตอรี 8 ปี หรือ 160,000กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน พร้อมการดูแลจาก Audi Protection ด้วยการรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี