Nothing ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติอังกฤษ ประกาศเปิดตัว Phone (3) สมาร์ตโฟนเรือธงที่แท้จริงจาก Nothing กับการยกระดับประสบการณ์การใช้งานที่เหนือชั้น โฉมใหม่ด้วย Glyph Matrix ที่จะทำให้เทคโนโลยีสนุกกว่าที่เคย มาพร้อมหน้าจอ Flexible AMOLED ใหญ่จุใจ 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K คมชัดในทุกมิติ ผสานพลังความอัจฉริยะของชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 4 ® ที่รันบนระบบปฏิบัติการ Android 15 และ Nothing OS 3.5 มาพร้อมดีไซน์โปร่งใสเห็นกลไกภายในที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของ Nothing พร้อมกันนี้ ยังเปิดตัว Headphone (1) หูฟังแบบครอบหูรุ่นแรกจาก Nothing ที่สุดของประสบการณ์เสียงที่พัฒนาร่วมกับ KEF ผู้นำนวัตกรรมด้านเสียงระดับตำนานสัญชาติอังกฤษ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ฟังที่สมจริง ด้วย Dynamic Driver ขนาด 40 มิลลิเมตร ให้คุณภาพเสียงชัดทุกรายละเอียด มาพร้อมการควบคุมแบบ Tactile Controls ที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำเพียงปลายนิ้วสัมผัส ฉีกทุกกฎของการดีไซน์เพื่อสร้างสไตล์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร

Phone (3)
Phone (3) สมาร์ตโฟนเรือธงที่แท้จริงจาก Nothing ที่มาพร้อมนิยามใหม่เพื่อพลิกโฉมการใช้เทคโนโลยี ที่ทั้งสนุก แสดงออกถึงตัวตน และสะท้อนถึงเอกลักษณ์ในแบบฉบับเฉพาะของ Nothing มาพร้อมกับการพัฒนาดีไซน์ที่เป็นซิกเนเจอร์ด้วย Glyph Matrix โฉมใหม่, ดีไซน์รูปเรขาคณิตที่โดดเด่น, วัสดุระดับพรีเมียม และการยกระดับประสิทธิภาพการใช้งานที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม

นายคาร์ล เพ่ย (Carl Pei) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ Nothing กล่าวว่า “เทคโนโลยีทุกวันนี้เริ่มขาดความแปลกใหม่ สมาร์ตโฟนแต่ละเครื่องแทบจะไม่แตกต่างกันทั้งรูปลักษณ์ ฟังก์ชัน และประสบการณ์การใช้งาน นั่นคือเหตุผลที่ Nothing ใช้เวลาถึงสองปีเต็มในการมุ่งมั่นพัฒนา Phone (3) ให้กลายมาเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่ออกแบบมาเพื่อให้เทคโนโลยีกลับมามีความหมายกับคุณอีกครั้ง เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ สะท้อนเอกลักษณ์ออกมาได้อย่างโดดเด่น มอบอิสระในการเชื่อมต่อและสร้างสรรค์ในแบบของคุณ ไม่ใช่แค่การทำตามกระแส แต่พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยความตั้งใจ พร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกันกับคอมมูนิตี้ของเรา”

สมาร์ตโฟนเรือธงตัวจริง ในแบบฉบับของ Nothing
Phone (3) มาพร้อมกับกล้องระดับมืออาชีพที่ออกแบบมาเพื่อให้เหล่าครีเอเตอร์เก็บครบทุกโมเมนต์ สร้างคอนเทนต์ได้ทุกที่ทุกเวลา เก็บภาพมุมใกล้ โดยไม่สูญเสียรายละเอียดด้วย Optical Zoom ถ่ายภาพคมชัดแม้ในที่แสงน้อยด้วยเซนเซอร์หลักประสิทธิภาพเหนือกว่าที่มีขนาด 1/1.3 นิ้ว บันทึกวิดีโอความละเอียด 4K 60fps ได้คมชัดและเสถียรจากทุกเลนส์ ด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Optical เต็มรูปแบบ มาพร้อมพรีเซ็ต (Presets) ที่พัฒนาร่วมกับช่างภาพมือโปร ให้คุณสร้างสรรค์วิดีโอสไตล์ภาพยนตร์อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเรียนรู้ขั้นตอนที่ซับซ้อน

Phone (3) มาพร้อมกับ Glyph Matrix ที่มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ชาญฉลาดและแสดงออกถึงตัวตนได้มากกว่าที่เคย หน้าจอแสดงผลแบบ micro-LED ที่ด้านหลังตัวเครื่องนี้จะแสดงเฉพาะสิ่งสำคัญในเวลาที่เหมาะสม ช่วยลดการใช้เวลาบนหน้าจอลง ให้คุณได้โฟกัสกับสิ่งสำคัญมากขึ้น อีกหนึ่งไฮไลต์คือฟีเจอร์ Flip to Record เพียงคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลง ก็สามารถเริ่มถอดเสียงและสรุปบทสนทนาอัตโนมัติ ผ่าน Essential Space โดยไม่ต้องแตะหน้าจอ

Phone (3) ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตSnapdragon® 8s Gen 4 รุ่นล่าสุด ยกระดับการประมวลผลภาพล้ำสมัย ทำให้ AI ทำงานเร็วขึ้น และเล่นเกมได้ลื่นไหลมากขึ้น รวมถึงมอบประสิทธิภาพที่ดีกว่ารุ่น Phone (2) โดยมีแบตเตอรี่แบบซิลิคอน-คาร์บอนขนาด 5150mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานเกินหนึ่งวันเต็ม รองรับระบบ Fast Charge ทั้งแบบมีสาย 65W และไร้สาย 15W Phone (3) มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ใหญ่จุใจขนาด 6.67 นิ้ว, วัสดุระดับพรีเมียม และมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 ซึ่งออกแบบมาเพื่อเสริมประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและการใช้งานได้ยาวนาน

ดีไซน์ที่ผสานรูปทรงเรขาคณิตเข้ากับเอกลักษณ์เฉพาะตัว
Phone (3) ผสานรูปทรงเรขาคณิตอันโดดเด่นเข้ากับดีไซน์โมดูลาร์ที่ประณีต ด้วยแรงบันดาลจากสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เลย์เอาต์แบบสามคอลัมน์นี้ช่วยเสริมจังหวะและความสมดุลได้อย่างลงตัว ตัวเครื่องยังได้รับการปรับรูปทรงให้เป็นทรง R-angle เพื่อให้จับถนัดมือมากขึ้น ขณะที่ด้านหน้ามาพร้อมขอบจอบางเฉียบเพียง 1.87 มิลลิเมตรที่เท่ากันทุกด้าน ซึ่งบางลง 18% เมื่อเทียบกับ Phone (2) ล้อมรอบหน้าจอ AMOLED ที่คมชัดและมอบประสบการณ์ที่สมจริงยิ่งขึ้น

Glyph Matrix แสงที่ออกแบบมาเพื่อสื่อสาร
ไฮไลต์ของ Phone (3) คือ Glyph Matrix โฉมใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อลดเวลาการใช้หน้าจอ และทำให้การรับข้อมูลสำคัญกลายเป็นเรื่องง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันหรือเมื่อมีคนติดต่อเข้ามา ไปจนถึงการอัปเดตสถานะการทำงานต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณรับรู้ข้อมูลทุกอย่างได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาเลื่อนดูหน้าจอ

Glyph Matrix ยังมาพร้อมกับ Glyph Toys ฟีเจอร์สนุก ๆ ที่รวบรวม Quick Tools และมินิเกมเอาไว้ด้านหลังตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น Glyph Mirror, นาฬิกาดิจิทัล, นาฬิกาจับเวลา, สถานะแบตเตอรี่ และนาฬิกาที่แสดงตำแหน่งดวงอาทิตย์ (Solar Clock) รวมถึงมินิเกมต่าง ๆ อย่าง Spin the Bottle ทั้งหมดนี้สามารถเข้าถึงและควบคุมได้ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียวที่ด้านหลังตัวเครื่อง นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถกำหนดไอคอนที่ปรับแต่งเฉพาะให้กับผู้ติดต่อแต่ละคน ซึ่งจะโชว์ขึ้นมาเป็น Avatar ในรูปแบบ Pixel เมื่อได้รับข้อความ

โดย Magic 8 Ball และ Leveler (เครื่องมือตรวจวัดระดับ) เป็นไอเดียที่ร่วมกันพัฒนากับคอมมูนิตี้ของ Nothing ซึ่ง Nothing ได้เปิดให้ใช้งานเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) ผ่านเว็บไซต์ https://nothing.community/ เพื่อเปิดพื้นที่สำหรับการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ ต่อไป

ทั้งนี้ เตรียมพบกับฟีเจอร์ใหม่ Caller ID ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถดูหมายเลขหรือชื่อผู้ติดต่อได้ทันทีในขณะที่กำลังโทรศัพท์ เพียงกดค้างที่ปุ่ม Glyph Button ซึ่งจะเปิดให้ได้ใช้งานเร็ว ๆ นี้