Friday, April 26, 2024
spot_img
Home Blog

บีสโปค เปิดตัวโปรแกรมสมาชิก KANA มุ่งยกระดับบริการด้านกัญชาเฉพาะบุคคล กับประสบการณ์เยี่ยมชมฟาร์มกัญชาทางการแพทย์ในภาคเหนือ ที่เงินซื้อไม่ได้

0

บีสโปค ไลฟ์ ไซเอนซ์ จำกัด (“บีสโปค”) ผู้จำหน่ายกัญชาชั้นนำ ภายใต้บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บูทิค”) เปิดตัวโปรแกรมสมาชิก KANA (“คณา”) สำหรับลูกค้าประจำ ที่มาพร้อมข้อเสนอ รายการสิทธิประโยชน์ ของสมนาคุณรายเดือนมากมาย และประสบการณ์ที่เงินซื้อไม่ได้ โดยโปรแกรมสมาชิก KANA แบ่งออกเป็น 4 ระดับได้แก่ โกลด์ แพลทินัม ไดมอนด์ และซูเปอร์ไดมอนด์

รายการข้อเสนอที่สมาชิก KANA จะได้รับ ประกอบด้วยส่วนลดและโปรโมชั่นพิเศษ ผลิตภัณฑ์และตัวอย่างผลิตภัณฑ์ฟรีรายเดือน ตลอดจนการเข้าถึงพืชกัญชาชนิดใหม่ ๆ ก่อนใคร ซึ่งมีให้ทดลองฟรี* เพื่อให้สมาชิกก้าวตามทันเทรนด์และนวัตกรรมใหม่ ๆ ของโลกกัญชา และกัญชาทางการแพทย์อยู่เสมอ

ทั้งนี้ สมาชิกยังจะได้รับการดูแลแบบเฉพาะบุคคลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชาของ KANA ซึงจะปรับตามความต้องการของลูกค้า และมุ่งสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่สมาชิกทุกคน นอกจากนี้ สมาชิกยังจะได้รับบริการจัดส่งผลิตภัณฑ์ฟรีสูงสุด 4 ครั้งต่อเดือน เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางไปที่หน้าร้าน

ยิ่งไปกว่านั้น อีกหนึ่ง “ประสบการณ์ที่เงินซื้อไม่ได้” สำหรับโปรแกรมสมาชิก KANA คือสิทธิ์ในการเดินทางไปเยี่ยมชมฟาร์มกัญชาทางการแพทย์เกรดพรีเมียมอันล้ำสมัยของบีสโปคที่จังหวัดน่าน ประเทศไทย ซึ่งสมาชิกจะได้ชมอย่างใกล้ชิดเรื่องราวต้นกำเนิดความพรีเมี่ยมของกัญชาบีสโปค รวมถึงผลิตภัณฑ์และข้อเสนอกัญชาที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ สมาชิกยังจะได้รับสิทธิ์ใช้บริการปรึกษาแพทย์ฟรีที่ KANA Wellness Clinic สูงสุด 8 ครั้งต่อเดือน ขึ้นอยู่กับระดับสมาชิก  

“เราเปิดตัวโปรแกรมสมาชิก KANA โดยมีความมุ่งหวังที่จะดูแลลูกค้าคนสำคัญที่ให้ความไว้วางใจเรามาอย่างต่อเนื่อง  ด้วยการมอบการเชื่อมต่อที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นกับแบรนด์ KANA” คุณนิรันดร์ คานิเยาว ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของบีสโปค ไลฟ์ ไซเอนซ์ จำกัด กล่าว “ความคิดริเริ่มนี้เป็นมากกว่าเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า แต่ยังเป็นการสร้างชุมชนของกลุ่มคนที่ให้คุณค่าและความสนใจในเรื่องเดียวกัน นั่นก็คือการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลและผลิตภัณฑ์กัญชาคุณภาพสูง”

ผู้ที่สนใจ สามารถเข้าร่วมโปรแกรมสมาชิก KANA ได้แล้ววันนี้ที่สาขาต่างๆ ของ KANA PURE Dispensary หรือ KANA Wellness Clinic ใกล้บ้านคุณ

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมสมาชิก KANA และข้อเสนอต่างๆ โปรดไปที่: https://kanathailand.com หรือช่องทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ของ KANA ที่ https://linktr.ee/Kanapure.th

* สิทธิประโยชน์ขึ้นอยู่กับระดับสมาชิกและจำนวน NFT ในการครอบครองภายในชุมชน CannaThai420

“JASPAL Modern Romantic” เผยความโรแมนติกผ่านลวดลายดอกไม้ฤดูร้อนของอังกฤษ

0

JASPAL (ยัสปาล) จัดงานเปิดตัวคอลเลกชั่นล่าสุด “JASPAL Modern Romantic” นำเสนอเรื่องราวความโรแมนติกผ่านการตีความตามยุคสมัยใหม่ ด้วยแรงบันดาลใจจากหญิงสาวที่มีความหวานแบบเฟมินีนแต่ก็แฝงด้วยความเปรี้ยว มั่นใจ และแสดงออกผ่านความสดใส พร้อมหยิบยกลวดลายดอกไม้ฤดูร้อนของอังกฤษ ถ่ายทอดผ่านโทนสีพาสเทลดีไซน์แพทเทิร์นที่ทันสมัยและโมโนแกรมตัวอักษร JJ เอกลักษณ์ของ JASPAL นำมาร้อยเรียงลงบนเสื้อผ้าหลากหลายไอเทม

โดยภายในงานเหล่าเซเลบริตี้ อาทิ แพทริเซีย กู๊ด, แยม – มทิรา ตันติประสุต, มารีน่า บาเล็นซิเอก้า และ ไอซ์ – อมีนา กูล พร้อมด้วยเหล่าอินฟลูเอนเซอร์สายแฟชั่น ได้อวดลุคล่าสุดของคอลเลกชั่น “JASPAL Modern Romantic” ให้ยลโฉมในสไตล์สาวหวานกลิ่นอายของผู้ดีอังกฤษ ณ ร้าน Lady L ท่ามกลางบรรยากาศการจิบชายามบ่ายในสวนสไตล์อังกฤษใต้ร่วมเงาของต้นไม้ใหญ่

สำหรับ Must Have ไอเทม สำหรับคอลเลกชั่นนี้ ได้แก่ ชุดเดรสโทนสีน้ำเงินที่ท่อนล่างตกแต่งลวดลายของดอกไม้สีขาว สีส้ม,    ชุด Knit เข้าเซ็ตสีดำทอลายดอกไม้สีขาว แต่งดีเทลตรงขอบด้วยสีเหลือง หรือจะเป็นอีกหนึ่งชุดเข้าเซ็ตลวดลายโมโนแกรมตัวอักษร JJ ในโทนสี Beige ที่ประกอบด้วยกางเกงขาสั้น ครอปสายเดี่ยว สวมใส่คู่กับเบลเซอร์สไตล์สปอร์ตก็ลงตัวเข้ากันสุดๆ และอีกหนึ่งไปเทมที่ทางแบรนด์นำเสนอคือ กระโปรงแบบ Semi See-Through สีเหลืองหวานซ่อนเปรี้ยว

เติมเต็มความหวาน พร้อมสนุกไปกับการมิกซ์แอนด์แมตช์ความสดใสอย่างมั่นใจไปกับคอลเลกชั่น JASPAL Modern Romantic” ได้แล้ววันนี้ที่ร้าน JASPAL ทุกสาขา หรือผ่านช่องทางออนไลน์ www.jaspal.com

Tag: @jaspalofficial #jaspalmodernromantic

ติดตามข่าวสารและเทรนด์แฟชั่นล่าสุดจาก JASPAL ได้ที่

Instagram: @jaspalofficial

Facebook: @JaspalOfficial

LINE Official Account: @jaspalthailand

TikTok : @jaspal_th

เอ็กซอนโมบิล เผยแผนรุกตลาดไทย ปี 2567 ตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลาย ชู Mobil 1™ และ Mobil Super™ ฉลองครบรอบ 50 ปี Mobil 1™บทพิสูจน์ความไว้วางใจจากผู้บริโภคทั่วโลกและทีมแข่งรถชั้นนำ

0

บริษัท เอ็กซอนโมบิล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กางแผนธุรกิจปี 2567 รุกตลาดเมืองไทย ภายใต้แนวคิด “มั่นใจคุณภาพ มั่นใจทุกการเดินทาง” เสริมความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น Mobil™ ที่คุณภาพสำคัญเหนือทุกสิ่ง หรือ Quality Wins ด้วย Mobil 1™ และ Mobil Super™ รองรับความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภคในอุตสาหกรรมยานยนต์ ตั้งเป้าโต 10% ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เรือธง Mobil 1™  

ในปัจจุบันมีรถยนต์ส่วนบุคคลที่วิ่งอยู่บนท้องถนนในประเทศไทยราว 20 ล้านคัน1 ภายใต้ความหลากหลายของยานพาหนะเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล หรือรถกระบะขนส่งสินค้าที่ใช้งานหนักและต้องพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา น้ำมันเครื่องเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เครื่องยนต์ของรถทำงานได้ต่อเนื่อง น้ำมันเครื่องที่ดีจึงต้องมีประสิทธิภาพในการปกป้องเครื่องยนต์ในทุกสภาวะการใช้งาน เสริมสมรรถนะเครื่องยนต์ ยืดอายุการใช้งาน และเพิ่มอัตราการประหยัดน้ำมันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ยานพาหนะทำงานได้อย่างราบรื่น

“คุณภาพสำคัญเหนือทุกสิ่ง” วิสัยทัศน์ และ DNA ของ Mobil

คุณมาโนช มั่นจิตจันทรา กรรมการ บริษัท เอ็กซอนโมบิล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด และผู้จัดการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น Mobil™ อยู่คู่กับคนไทยมานานกว่า 90 ปี คำว่าคุณภาพ ไม่ได้เป็นเพียงมาตรฐาน แต่คือหลักการทำงานของเรา ความทุ่มเทในการมุ่งสู่ความเป็นเลิศเป็นที่ประจักษ์ในทุกผลิตภัณฑ์ที่เราส่งมอบสู่ลูกค้า ตอกย้ำความเชื่อเรื่อง “คุณภาพสำคัญเหนือทุกสิ่ง” โดยในปีนี้เราตั้งเป้าดำเนินการภายใต้แนวคิด “มั่นใจคุณภาพ มั่นใจทุกการเดินทาง” เราอยากเป็นแบรนด์ที่ครองใจลูกค้าในเรื่องของคุณภาพและนวัตกรรม ลูกค้าสามารถมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของเราที่พิสูจน์ความสำเร็จมาอย่างยาวนาน”

ชู Mobil 1™ ตอบโจทย์ด้านสมรรถนะ และขยายตลาด Mobil Super™ เพื่อการปกป้องที่พิสูจน์แล้ว2

“ด้วยคำมั่นสัญญาในคุณภาพและนวัตกรรม เราใช้เทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ Mobil 1™ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Mobil Super™ โดย Mobil 1™ ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่มีรถเครื่องยนต์สมรรถนะสูง ส่วน Mobil Super™ ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่ต้องการการปกป้องเครื่องยนต์ จากสภาพการขับขี่ที่ใช้งานหนัก เช่น รถปิคอัพ และรถ SUV ทั้งนี้การรุกตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้า ในปี 2567 เราวางแผนจะนำจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ทั้งสองมาขยายฐานลูกค้า

เราตั้งเป้าเติบโต 10% ในส่วนของผลิตภัณฑ์เรือธง โดยเพิ่มยอดขายของ Mobil 1™และ Mobil Super™ ผ่านเครือข่ายพันธมิตรในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กว่า 700 แห่ง และศูนย์บริการบำรุงรักษารถยนต์มากกว่า 1,400 แห่ง ซึ่งรวมถึงเครือข่ายการดูแลรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Mobil™ ศูนย์บริการบี-ควิก และ ออโต้วัน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มจุดบริการ 30-50 แห่งในปีนี้ เพื่อการเข้าถึงที่มากขึ้นของลูกค้า” คุณมาโนช กล่าว

50 ปีแห่งความสำเร็จของ Mobil 1™ บนเส้นทางแห่งความสำเร็จอย่างภาคภูมิใจในฐานะแบรนด์ผู้นำน้ำมันเครื่องสังเคราะห์คุณภาพระดับโลก

Mobil 1™ เป็น “น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้เจ้าแรกของโลก” นับตั้งแต่เปิดตัวใน ปี 2517 ก็เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำในการสร้างความสำเร็จบนหน้าประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมน้ำมันเครื่องอย่างต่อเนื่อง พิสูจน์ได้ผ่านความไว้วางใจจากทีมแข่งรถชั้นนำ เช่น Oracle Red Bull Racing, Porsche Racing, Red Bull KTM Factory Racing และทีมอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำให้ใช้กับรถยนต์สมรรถนะสูงเช่น Porsche

แบรนด์ Mobil™ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์แห่งอนาคตเพื่อเทคโนโลยีเครื่องยนต์ยุคใหม่ และรถยนต์ไฟฟ้า เติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานใหม่ๆ ของทั้งผู้ขับขี่ เครื่องยนต์ยุคใหม่ และอุตสาหกรรมยานยนต์

“ตลอด 50 ปีที่ผ่านมาเราเชื่อว่าคำว่าคุณภาพสำคัญเหนือทุกสิ่ง และคำว่าคุณภาพคือพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เราพัฒนาน้ำมันทุกหยดให้ดีที่สุดเพื่อผู้ขับขี่ทุกคน และเรายังคงมาตรฐานคุณภาพของผลิตภัณฑ์และพัฒนาต่อไป” คุณมาโนช กล่าว

ค้นหาโปรโมชั่นพิเศษ พร้อมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.mobil.co.th

‘ยูเรก้า’ เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น J20 มาพร้อมสถานี ALL in One รวมทุกอย่างในตัว และเทคโนโลยี Real time self-cleaning ทำความสะอาดผ้าถูด้วยน้ำสะอาดตลอดการถูพื้น  ยกระดับนวัตกรรมหุ่นยนต์ทำความสะอาด

0

บริษัท โรบอท เมคเกอร์ จำกัดหรือ ออโต้บอท (AUTOBOT) ผู้ผลิตและพัฒนานวัตกรรมหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำความสะอาดบ้าน ขอนำเสนอนวัตกรรมล่าสุดจากแบรนด์ “Eureka” รุ่น J20 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นแรกในอุตสาหกรรม ที่รวมฟีเจอร์การทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาดและสถานีเสริมทุกอย่างรวมอยู่ในตัวเดียว* ด้วยประโยชน์ของการเป็นทั้งหุ่นยนต์ดูดฝุ่นและเครื่องซักพื้น Eureka J20 สามารถจัดการกับปัญหาที่เคยเป็นเรื่องยากสำหรับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น เช่น น้ำแยมที่หกและซอสมะเขือเทศแห้งได้อย่างง่ายดาย

ระบบถูพื้น RollRenew™ ช่วยให้ผ้าถูถูกซักตลอดเวลา

ซึ่งแตกต่างจากผ้าถูระบบอัลตราโซนิคและแบบหมุนสองทิศทางทั่วไป Eureka J20 มีระบบถูพื้น RollRenew™ ที่เป็นเอกลักษณ์ ประกอบด้วยผ้าถูพื้นแบบสายพานวนรอบ ถังน้ำสะอาดและน้ำสกปรกแยกกัน ระหว่างการทำความสะอาด หัวฉีดน้ำ 5 หัวที่อยู่ข้าง ๆ ผ้าถูพื้นจะฉีดน้ำสะอาดอย่างต่อเนื่องขณะที่ผ้าถูหมุนไปข้างหน้า ในขณะเดียวกันมีที่กวาดน้ำสกปรกจากผ้าถูเข้าสู่ถังน้ำเสียขนาด 250 มล. ทำให้ J20 ได้ใช้น้ำสะอาดตลอดเวลา เหมือนกับเครื่องล้างพื้น คู่กับพลังดูดสูงถึง 8,000 Pa ผ้าถูจึงสามารถทำความสะอาดคราบสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่าการถูด้วยมือ แม้แต่คราบติดแน่นจากการหกของเหลว เช่น นม ไวน์แดง ซอสมะเขือเทศ หรือกาแฟ ก็สามารถขจัดได้

สถานี ALL in One รวมทุกอย่างอยู่ในตัว เพื่อประสบการณ์การทำความสะอาดแบบไร้กังวล

หุ่นยนต์ Eureka J20 ยังมาพร้อมกับสถานี ALL in One รวมทุกอย่างอยู่ในตัวเดียว สถานีนี้มีฟังก์ชันการล้างผ้าถู การเทฝุ่นออกอัตโนมัติ การตากผ้าถูให้แห้ง การดูดน้ำเสียออก การเติมน้ำสะอาด และการเติมน้ำยาทำความสะอาดอัตโนมัติ มีถุงดักฝุ่นขนาด 3 ลิตร ทำให้สามารถใช้งานได้นานถึง 75 วัน* ก่อนต้องเปลี่ยนถุง ถังน้ำสะอาดและน้ำเสียมีขนาด 3 ลิตรเช่นกัน ช่วยลดความจำเป็นในการเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ สะดวกแม้ในบ้านพื้นที่ขนาดใหญ่

ด้วยความสะดวกสบายอันน่าทึ่งจากสถานี ALL in One รวมทุกอย่างอยู่ในตัว ประกอบกับระบบถูพื้น RollRenew™ ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ J20 มีศักยภาพสูงในการทำให้การทำความสะอาดบ้านเป็นเรื่องที่ไร้ที่ติ และประหยัดแรง ประหยัดเวลามากขึ้นกว่าที่เคย ยูเรก้าได้เปิดตัว J20 อย่างเป็นทางการในงาน CES 2024 พร้อมวางจำหน่ายในช่วงครึ่งแรกของปีเดียวกัน

ผู้สนใจสามารถเป็นเจ้าของ Eureka J20 / Eureka J12 / Eureka E10s และเครื่องดูดฝุ่นล้างพื้น New 400 ได้แล้ววันนี้ โปรโมชันพิเศษเฉพาะรุ่น Eureka J20 ราคาเริ่มต้นที่ 29,990 บาท จากราคาปกติ 69,900 บาท สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ผ่านช่องทาง @LineOA ( @autobot ) , Facebook , Shopee , Lazada , NocNoc , Tiktok , Lotus , Powerbuy , Homepro online

“คริสตัล” ผู้นำตลาดน้ำดื่ม ห่วงใยสุขภาพคนไทย ปล่อยแคมเปญใหญ่ “คริสตัลทุกหยดคุณภาพ เพื่อพี่น้องชาวไทย” ตอกย้ำแบรนด์น้ำดื่มคุณภาพ ส่ง “นาย ณภัทร” นำทัพคาราวานลงพื้นที่ ลุยโรดโชว์ 4 เมืองใหญ่ผ่าน CSR แคมเปญมัดใจพี่น้องชาวไทย

0

“คริสตัล” ผู้นำน้ำดื่มด้วยยอดขายอันดับ 1ของไทยให้ความสำคัญกับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวไทย ชู 3 กลยุทธ์เสริมแกร่งจุดยืนผลิตภัณฑ์น้ำดื่มคุณภาพ ปล่อยแคมเปญใหญ่ “คริสตัลทุกหยดคุณภาพ เพื่อพี่น้องชาวไทย” เตรียมส่ง “นาย ณภัทร” นำทัพคาราวานโรดโชว์ในภาคอีสานผ่านกิจกรรม CSR สนับสนุนพี่น้องชาวไทยทั่วภูมิภาคได้เข้าถึงน้ำดื่มคุณภาพ

ปัจจุบันตลาดน้ำดื่มในประเทศไทย มีมูลค่า 44,796  ล้านบาท โดยคริสตัลยังคงเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาด ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 17.8% มีการเติบโต 7.0% (ข้อมูลจากนีลเส็นไอคิว ระหว่างเดือนเมษายน 2566 – มีนาคม 2567) 

นางสาวสุภรณ์ เด่นไพศาล ผู้อำนวยการสำนักการตลาด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ประเทศไทย บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดน้ำดื่มเมืองไทยยังคงมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ‘คริสตัล’ ในฐานะผู้นำตลาดได้มีการขับเคลื่อนกลยุทธ์อย่างรอบด้าน โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพ-มาตรฐานเพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค

สำหรับแผนกลยุทธ์ของคริสตัล ในปี 2567 นี้ ยังคงเดินหน้าตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาด ผ่านจุดแข็งความเป็นน้ำดื่มคุณภาพ ชู 3 กลยุทธ์ “คุณภาพ – แพ็กเกจจิ้ง – กิจกรรม CSR”  ปล่อยแคมเปญใหญ่ “คริสตัลทุกหยดคุณภาพ เพื่อพี่น้องชาวไทย” จัดเต็มกิจกรรมการตลาดแบบ 360 องศา รวมทั้งกิจกรรม CSR เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี สนับสนุนให้พี่น้องชาวไทยทั่วภูมิภาคมีสุขภาพที่ดีและได้เข้าถึงน้ำดื่มคุณภาพที่ผ่านกระบวนการผลิตมาตรฐานสากล โดยเฉพาะในเขตภาคอีสาน เนื่องจากแหล่งผลิตน้ำบางพื้นที่ประสบปัญหาน้ำมีหินปูนเจือปนอยู่ ซึ่งการดื่มน้ำที่มีสิ่งเจือปนเหล่านี้ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว โดยวางแผนเดินหน้าสร้างการรับรู้แบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ผ่านการสร้างความเข้าใจและการสื่อสารให้คนหันมาดูแลสุขภาพผ่านการให้ความสำคัญในการดื่มน้ำที่มีคุณภาพ ด้วยการจัดกิจกรรมโรดโชว์ประเดิมเฟสแรกในภาคอีสาน ผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดที่ครบทุกมิติ ด้วย  3 กลยุทธ์หลัก ดังนี้

  • คุณภาพ : สร้างความเชื่อมั่นในเรื่องคุณภาพของน้ำดื่มคริสตัลที่ผ่านกระบวนการผลิต 19 ขั้นตอน เพื่อให้ได้น้ำคุณภาพที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด ตั้งแต่การคัดสรรแหล่งน้ำคุณภาพดี การปรับสภาพน้ำให้เหมาะสมต่อการดื่ม ด้วยระบบการผลิตที่ได้มาตรฐาน ซึ่งประกอบด้วย
  • กรองสิ่งเจือปนด้วยระบบการกรองที่ละเอียดถึง 0.0001 ไมครอน เป็นการกรองที่มีความละเอียดสูงมาก จึงสามารถกรองแยกสารละลายขนาดเล็กที่เป็นอันตรายที่เจือปนอยู่กับน้ำ
  • ปรับค่า pH ของน้ำให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อร่างกาย โดยไม่ใช้สารเคมี ซึ่งค่า pH ที่เหมาะสม จะช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และรักษาสภาวะสมดุลให้แก่ร่างกาย
  • ฆ่าเชื้อโรคและไวรัสด้วยรังสี UV และโอโซน
  • ควบคุมการผลิตด้วยระบบการผลิตและบรรจุน้ำดื่มด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติภายใต้ระบบปิดและการบรรจุตามมาตรฐานสากล 

ทั้งหมดนี้ส่งผลให้คริสตัลเป็นน้ำดื่มมาตรฐานระดับสากล และเป็นรายแรกของไทยที่ได้การรองรับจาก NSFสหรัฐอเมริกา ผ่านเกณฑ์ตรวจสอบมาตรฐานการผลิตกว่า 575 ข้อ 

  • แพ็กเกจจิ้ง : สร้างสรรค์ฉลากบรรจุภัณฑ์ที่ถ่ายทอดแนวคิด “คริสตัลทุกหยดคุณภาพ เพื่อพี่น้องชาว

ไทย” ผ่านภาพวาดสีน้ำฝีมือนักวาดภาพประกอบสายแฟชั่น “หยก กฤติน (Yoky)” กับลายเส้นและการลงสีที่เป็นซิกเนเจอร์ จาก 4 ดีไซน์ที่สื่อสารถึงน้ำดื่มคุณภาพที่อยู่คู่วิถีชีวิตพี่น้องชาวไทยในแต่ละภูมิภาคได้แก่ภาพเด็กจากภาคอีสาน, ภาพครอบครัวจากภาคกลาง, ภาพเกษตรกรจากภาคเหนือ และภาพชาวประมงจากภาคใต้ 

  • กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) : จัดกิจกรรมโรดโชว์เฟสแรกในภาคอีสาน ใน 4 จังหวัดใหญ่ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 เป็นต้นไป โดยส่งพรีเซ็นเตอร์ “นาย-ณภัทร” นำทัพคุณหมอและศิลปินลงพื้นที่ช่วยดูแลสุขภาพพี่น้องชาวไทยผ่านกิจกรรมตรวจร่างกาย กิจกรรมให้ความรู้เรื่องคุณประโยชน์ของการดื่มน้ำคุณภาพ ตลอดจนการตอกย้ำความเชื่อมั่นผู้บริโภคว่าคริสตัลเป็นน้ำดื่มคุณภาพที่ผ่านกระบวนการผลิตถึง 19 ขั้นตอน ให้ได้น้ำคุณภาพที่ดีต่อสุขภาพ

“ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดในปีนี้ ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาบริโภคน้ำดื่มดับกระหายกันมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การดื่มน้ำคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการดื่มน้ำที่ไม่ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน จะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว คริสตัลในฐานะผู้นำตลาดจึงนำอินไซต์เหล่านี้มาสื่อสารผ่านแคมเปญ “คริสตัลทุกหยดคุณภาพ เพื่อพี่น้องชาวไทย”  เพื่อมัดใจผู้บริโภคผูกพันระยะยาว และตอกย้ำถึงความสำคัญของการดื่มน้ำคุณภาพ กระตุ้นคนไทยทั่วภูมิภาคให้หันมาดื่มน้ำดื่มคุณภาพที่ผ่านกระบวนการผลิตมาตรฐานระดับสากลสอดคล้องความมุ่งมั่นของคริสตัลที่ใส่ใจสุขภาพคนในชุมชน และต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พี่น้องชาวไทย” นางสาวสุภรณ์ เด่นไพศาล กล่าวทิ้งท้าย

Toyota Gazoo Racing Thailand 2024 พร้อมระเบิดความมันส์ทั้ง 5 สนาม นำสู่แนวคิด “ถนนสร้างคนและคนสร้างรถ” กับการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า

0

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วยนายสนธยา คุณปลื้ม นายกราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และนายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ร่วมแถลงข่าวการจัดกิจกรรม “Toyota Gazoo Racing Thailand 2024” เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 ณ TOYOTA ALIVE .บางนาตราดกม. 3

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 บริษัทโตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทยจำกัดเริ่มบุกเบิกวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ด้วยเจตนารมณ์ที่จะยกระดับ และเพิ่มความนิยมในกีฬาประเภทนี้ให้แพร่หลาย ไม่ว่าจะด้วยการจัดการแข่งขัน ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขัน และให้การสนับสนุนให้แก่ผู้ที่มีความฝัน ตั้งแต่ระดับเยาวชน ไปจนถึงนักแข่งระดับอาชีพ ให้ได้มีโอกาสสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ จากความทุ่มเทในการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างต่อเนื่อง โตโยต้าได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในวงการนี้อย่างแท้จริง

มร.โนริอากิยามาชิตะกรรมการผู้จัดการใหญ่กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าสำหรับโตโยต้ามอเตอร์สปอร์ตคือรากฐานในการสร้างยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่าเราตระหนักว่าสภาพแวดล้อมที่สุดขีดของมอเตอร์สปอร์ตคือสนามที่รถลงวิ่งเกิดปัญหาและมีการแก้ไขปรับปรุงจนเป็นรถที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมและการเข้าการแข่งขันจะช่วยพัฒนาเทคโนโลยีให้ดียิ่งขึ้นซึ่งจะสะท้อนมายังไลน์อัพของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายให้กับลูกค้าของเรานั่นเอง

ในประเทศไทยปีนี้เป็นปีที่โตโยต้ามอเตอร์สปอร์ตดำเนินกิจกรรมเป็นปีที่ 38 เรามุ่งสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับคนไทยผ่านความมุ่งมั่นเพื่อสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่าปัจจุบันเราร่วมมือกับโตโยต้ามอเตอร์คอร์ปอเรชั่น (TMC)ที่ประเทศญี่ปุ่นและโตโยต้ามอเตอร์เอเชีย (TMA)เพื่อพัฒนายนตรกรรมภายใต้สนามแข่งมอเตอร์สปอร์ตในประเทศไทย

นอกจากนั้นเราขอเปิดตัวรถ 3 คันที่ล้วนใช้เชื้อเพลิงที่ความเป็นกลางทางคาร์บอนเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายใต้กลยุทธ์ความหลากหลายด้านทางเลือกเริ่มจากYaris e-fuelและAtiv e-fuelที่จะเข้าร่วมรายการ Yaris One Make Race และยังมีYaris e-fuelที่จะร่วมรายการ Thailand Super Series รวมถึงAltis e-fuelจะร่วมรายการ Idemitsu Super Endurance ขอให้ทุกท่านร่วมส่งกำลังใจและสนับสนุนนักแข่งจากทีมแข่ง Toyota Gazoo Racing Thailand กันนะครับ

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวถึงการแข่งขันในปีนี้ว่าปีนี้ Toyota ยกระดับกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตไปอีกขั้นผ่านความร่วมมือระหว่างวิศวกรชาวไทยจากบริษัทโตโยต้ามอเตอร์เอเชีย (TMA) และทีมแข่ง Toyota Gazoo Racing Thailand  ร่วมกันศึกษาและพัฒนาสมรรถนะรถในสนามแข่งจริงเราได้เตรียมรถทั้งหมด 4 รุ่น New Hilux Champ, New Hilux REVO GR Sport Wide Tread, Corolla Altis e-fuel, Yaris e-fuel เพื่อเข้าแข่งขันในรายการต่างๆอาทิเช่น  Thailand Super Series, Asia Cross Country Rally และ Idemitsu Super Endurance โดยผลการศึกษาวิจัยรถภายใต้สภาวะแบบสุดขีดจากสนามแข่งจะถูกนำไปใช้ในการพัฒนารถยนต์โตโยต้าในอนาคตเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าคนไทยได้อย่างดีที่สุด

และในส่วนของกิจกรรมโตโยต้ากาซูเรซซิ่งไทยแลนด์ 2024 เรายินดีที่จะมอบความสนุกสนานให้กับผู้ที่ชื่นชอบรถและกีฬามอเตอร์สปอร์ตโดยจะจัดกิจกรรมในรูปแบบเฟสติวัลซึ่งจะมีทั้งการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ One Make Race และกิจกรรม Entertainment มากมายเริ่มจากการแข่งขัน One Make Race มีรถที่จะลงพิสูจน์สมรรถนะทั้งหมด 4 รุ่นได้แก่Yaris ATIV Lady One Make Race, YARIS One Make Race, New Hilux REVO One Make Raceและ Corolla ALTIS GR Sport One Make Raceเรายังคงมุ่งมั่นส่งเสริมความเป็นกลางทางคาร์บอนในกีฬามอเตอร์สปอร์ตโดยมีการเพิ่มรถแข่ง Yaris Ativ ที่ใช้น้ำมัน e-fuel ซึ่งจะขับโดยน้องพิชชามิย่าทองเจือและยังมีนักแข่ง Toyota Gazoo Racing Star Team คนใหม่น้องป๊ายปายโอริโอ้ Influencer ชื่อดังที่จะใช้รถ Yaris e-fuel ร่วมแข่งขันในรายการ Yaris OMR

นายศุภกรกล่าวถึงกิจกรรมความบันเทิงในปีนี้ว่า“นอกจากความเข้มข้นในสนามแข่งแล้วแฟนๆมอเตอร์สปอร์ตจะได้พบกับกิจกรรมGR Performance Showนำทีมโดยนักขับมืออาชีพระดับเอเชียมาโชว์สมรรถนะของรถในรูปแบบ Drift และ Gymkhana และกิจกรรม lifestyle ใหม่ๆอาทิGR Night Festivalตลอดจนเหล่า influencer ชื่อดังมาช่วยสร้างสีสันในการแข่งขันณสนามบางแสนภูเก็ตและเชียงใหม่ห้ามพลาดกันนะครับ!”

นอกจากนี้นายศุภกรยังเชิญชวนเยาวชนที่สนใจในกีฬามอเตอร์สปอร์ตได้มีส่วนร่วมเรายังร่วมกับโตโยต้ามอเตอร์คอร์ปอเรชั่นสนับสนุนกีฬา e-Motorsports จัดการแข่งขันชิงแชมป์Toyota Gazoo Racing GT Cup 2024ผ่านเกมส์แข่งรถชื่อดังGran Turismo 7เฟ้นหาสุดยอดเยาวชนนักแข่งจากประเทศไทยไปร่วมประลองฝีมือในเวทีระดับโลกเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกีฬามอเตอร์สปอร์ตในโอกาสนี้ผมขอเชิญชวนเหล่าเกมเมอร์สมัครเข้าร่วมแข่งขันได้ที่ Website : toyotagazooracing.com ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปและขอให้ทุกท่านร่วมกันเชียร์นักกีฬา e-Motorsport ชาวไทยเพื่อเป็นตัวแทนในระดับเอเชียแปซิฟิกและระดับโลก

ผมมั่นใจว่ากิจกรรม Toyota Gazoo Racing Thailand ในปีนี้จะมอบรอยยิ้มและความสุขให้กับลูกค้าชาวไทยทุกท่านสุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณการกีฬาแห่งประเทศไทยราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย YOKOHAMA / Modellista โดย TCD Asia / LENSO / ARTO / Singha Corporation และพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่านที่ร่วมสนับสนุนกิจกรรม Toyota Gazoo Racing Thailand มาโดยตลอด Let’s Build Future Together”

Toyota Gazoo Racing Thailand 2024

“MAKE EVER-BETTER CARS” From Circuit to the Road   

โตโยต้าจัดการแข่งขัน โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต ภายใต้ปรัชญา ถนนสร้างคนและคนสร้างรถ” (Roads build people, and people build cars) มุ่งสู่เป้าหมายในการสร้างสรรค์ ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า” (MAKE EVER-BETTER CARS) โดยปีนี้เราร่วมมือกับ บริษัทโตโยต้าไดฮัทสุเอ็นจิเนียริ่งแอนด์แมนูแฟคเจอริ่งจำกัด ในการเรียนรู้พัฒนาคน และ พัฒนารถยนต์ในอนาคต ทั้ง Hilux Champ ที่พัฒนาเพื่อลงแข่งขันในรายการ Thailand Super Series และ New Hilux REVO GR Sport Wide tread เพื่อร่วมแข่งในรายการ Asia Cross Country Rally โดยเราศึกษาพัฒนาจากสภาวะแวดล้อมของประเทศไทย เพราะเราเชื่อว่า ประสบการณ์และการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับรถในสนาม จะนำไปสู่การพัฒนารถยนต์ที่มีสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ โตโยต้ายังสนับสนุนทีมแข่ง Toyota Gazoo Racing Thailand เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนารถผ่านการแข่งขันในรายการต่างๆ  ตอบสนองต่อแนวคิด MAKE EVER-BETTER CARS และยกระดับการแข่งขัน ด้วยการนำรถแข่งขุมพลังงานที่เป็นกลางทางคาร์บอน อีกหนึ่งทางเลือกของพลังงานแห่งอนาคต เข้าร่วมแข่งขัน

พบความสนุกสนานเร้าใจของกิจกรรม Toyota Gazoo Racing Thailand 2024

ภายใต้แนวคิด “MAKE EVER BETTER CARS” Form Circuit to the Road

กับรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ One Make Race ทั้ง 4 รุ่น

  • Yaris ATIV Lady One Make Race รถ ECO Sedan ยอดนิยมมอบความสนุกสนานเร้าใจด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซิน 1,200 ซีซี Dual VVT-i กับสำหรับนักแข่งหญิงที่ชื่นชอบความเร็วโดยในปีนี้ยังได้สาวสวยจาก “Toyota Racing Star Team” น้องพิชชามิย่าทองเจือร่วมลงแข่งด้วยรถ ATIV e-fuel คันใหม่
  • YARIS One Make Race Hatchback ECO Car ยอดนิยม Toyota YARIS รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่เครื่องยนต์เบนซิน 1,200 ซีซี Dual VVT-i สำหรับนักแข่งระดับ Entry โดยปีนี้มีนักแข่งหน้าใหม่ “ป๊ายปายโอริโอ” ศิลปินอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังมาเป็นสมาชิก Toyota Racing Star Team คนใหม่พร้อมเปิดประสบการณ์ความเป็นกลางทางคาร์บอนในรายการนี้ด้วยรถแข่ง YARIS e-fuel
  • Hilux REVO One Make Race เร้าใจกับสมรรถนะของรถกระบะสายพันธุ์แกร่งขับเคลื่อนด้วยพลังเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล GD Super Power 2,400 ซีซีกับบทพิสูจน์ความแกร่งทนทานและช่วงล่างที่เกาะถนนแม่นยำสำหรับนักแข่งสายดีเซลที่ชื่นชอบความดิบหนักแน่นดุดัน
  • Corolla ALTIS GR Sport One Make Race Signature แห่งคุณภาพความทนทานและความน่าเชื่อถือที่ไม่มีใครเทียบด้วยQDR : Quality Durability Reliabilityสนุกสุดเหวี่ยงกับพลังของเครื่องยนต์เบนซิน Dual VVT-i 1,800 ซีซีและโครงสร้าง TNGA ที่ลงตัวทั้งสมรรถนะเครื่องยนต์ระบบช่วงล่างระบบบังคับเลี้ยวระบบเบรกโดยได้หนุ่มปังปอนด์อัครวุฒิขยับมาร่วมลงแข่งในรุ่น

ส่งความสุขให้คนไทยด้วยกิจกรรมแบบจัดเต็ม

สำหรับแฟนมอเตอร์สปอร์ตเยาวชนรุ่นใหม่และผู้มีความหลงใหลในรถ

  1. ยกพลทัพนักแข่งระดับเอเชียโชว์ดริฟท์และGymkhana พร้อมกิจกรรมความบันเทิงแบบbeach lifestyleการแข่งขันสนามที่ 2 จังหวัดภูเก็ต
  2. GR Night Festival พร้อมโชว์ดริฟท์และ Gymkhana โดยนักแข่งระดับเอเชียจัดเต็มความบันเทิงสำหรับแฟนมอเตอร์สปอร์ต ในบรรยากาศหลังอาทิตย์ตกดินการแข่งขันสนามที่ 4 จังหวัดเชียงใหม่
  3. Exclusive Meet & Greet กับสมาชิก Toyota Racing Star Team พิชชามิย่าทองเจือ” “ปังปอนด์อัครวุฒิ และ ป๊ายปายโอริโอที่จะมาพบปะแฟนๆ และสร้างสีสัน การแข่งขันทั้ง 5 สนาม
  4. พบสีสันความบันเทิงอื่นๆ รวมถึงร้านอาหาร ร้านอุปกรณ์ตกแต่ง พร้อมโปรโมชันจากผู้แทนจำหน่าย และความสนุกสนานพร้อมของแจกเพียบ จาก Yokohama, Modellista, Lenso และ Singha

การแข่งขัน e-Motorsports ชิงแชมป์ “Toyota Gazoo Racing GT Cup 2024”

ส่งเสริมเยาวชนรุ่นใหม่ให้มีส่วนร่วมกับมอเตอร์สปอร์ตมากขึ้น

กลับมาอีกครั้ง กับการเฟ้นหาสุดยอดนักแข่งเกมส์แข่งรถชื่อดัง Gran Turismo 7 บนเครื่อง Play Station ชิงแชมป์ถ้วย Toyota Gazoo Racing GT Cup 2024 และเป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมประลองฝีมือในระดับเอเชียแปซิฟิกและระดับโลก เกมเมอร์ไทยที่สนใจประลองฝีมือ สามารถสมัครเข้าร่วมลงแข่งขันได้ที่ www.toyotagazooracing.com ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

สัมผัสความสนุกสนานเร้าใจของ “Toyota Gazoo Racing Thailand 2024”  ทั้ง 5 สนามทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

  • เปิดการแข่งขันสนามแรกวันที่ 5-7 กรกฎาคมชลบุรี
  • สนามที่ 2                                   วันที่ 3-4 สิงหาคมภูเก็ต
  • สนามที่ 3                                   วันที่ 13-14 กันยายนบุรีรัมย์
  • สนามที่ 4                                   วันที่ 9-10 พฤศจิกายนเชียงใหม่
  • ชิงแชมป์ประจำปีสนามสุดท้ายวันที่ 19– 20 ธันวาคมบุรีรัมย์

ติดตามทุกความมันส์และความเคลื่อนไหว

“Toyota Gazoo Racing Thailand 2024” ได้ที่

FB: Toyota GAZOO Racing Thailand

TikTok: tgr.thailand

Instagram: tgrthailand

เมื่อโลกของแฟชั่นคู่ขนานกับความเท่าเทียม “วาโก้” ออกคอลเลกชันใหม่ “Wacoal Mood One Size Fits All” ไซซ์เดียวใส่ได้ทุกคน ตอบโจทย์เทรนด์แฟชั่นในปัจจุบัน

0

ในมุมมองของคนรุ่นใหม่เสื้อผ้าหรือชุดชั้นในที่เข้าได้กับทุกเพศ จะช่วยสร้างความสุขและแรงบันดาลใจให้การแต่งตัวกลายเป็นเรื่องสนุกมีสีสัน และเอนจอยกับชีวิตได้ทุกวัน “วาโก้” จึงออกแบบชุดชั้นในแฟชั่นนวัตกรรมใหม่ก่อนใคร “Wacoal Mood One Size Fits All” ไซซ์เดียวใส่ได้ทุกคน ด้วยนวัตกรรมแรงยืดหยุ่นสูงได้ถึง 360 องศา โดยทำการทดลองประสิทธิภาพของสินค้าและความพึงพอใจกับผู้ใช้จริงกว่า 100 เคส ไม่ว่าจะไซซ์ไหนก็สวมใส่สบายได้อย่างเท่าเทียม ต้อนรับหน้าร้อนแบบคูลๆ ด้วยเนื้อผ้านุ่ม สบาย ระบายอากาศ

นางอินทิรา นาคสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “วาโก้ ออกคอลเลกชันใหม่ต้อนรับซัมเมอร์ Wacoal Mood One Size Fits All ชุดชั้นในแฟชั่นนวัตกรรมใหม่ ที่บราและกางเกงในไซซ์เดียวใส่ได้ทุกคน ตอบโจทย์เทรนด์การสวมใส่ชุดชั้นในที่สบายแต่ยังคงเก็บทรงสวย โดยคอลเลกชันนี้โดดเด่นด้วยนวัตกรรม เนื้อผ้าที่ผ่านการคิดค้นเป็นพิเศษยืดหยุ่นสูงถึง 360 องศา เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม เบาสบาย ระบายอากาศ มอบความสบายขั้นสุด ด้วยการตัดเย็บแบบ ไร้โครง ไร้ขอบ ไร้ตะเข็บ สายบ่ายืดหยุ่นรับกับรูปร่างไม่อึดอัดแต่เก็บกระชับแบบปัง มาพร้อมฟองน้ำเนื้อนุ่มแนบเนียนไปกับผิว ให้คุณสมบัติยืดหยุ่นคืนรูปได้ดี สามารถพับเก็บได้ไม่เสียทรง ชุดชั้นในที่ข้ามขีดจำกัดเรื่องไซซ์ ไม่ว่าจะคัพเล็ก-คัพใหญ่ M-XL จะวัยรุ่นจนถึงวัยทำงานใครๆ ก็ใส่ได้ เพราะไซซ์เดียวใส่ได้ทุกคน คอลเลกชันใหม่นี้ประกอบด้วย บราไร้โครงแบบสวมหัวและกางเกงชั้นในเข้าคู่ 1 รุ่น 5 สี ได้แก่ สีดำ สีเบจ สีเขียวอ่อน สีฟ้าและสีแดง

มาสนุกกับการแมทช์บรา One Size กับเสื้อสูทหรือเบลเซอร์ ก็ดูดีมีสไตล์ได้ลุคสตรีท สำหรับ Wacoal Mood One Size Fits All ไซซ์เดียวใส่ได้ทุกคน หมดปัญหาเรื่องการเลือกไซซ์ ใส่ง่าย ใส่สบาย พิกัดช้อปที่วาโก้ช็อปและเคาน์เตอร์วาโก้ ที่ร่วมรายการ

CUB House ชวนก๊วนขี่ไปฟินที่ริมเลค กับงานเทศกาลดนตรี HOLA SHAKA วันที่ 27 เมษายน นี้

0

CUB House By Honda ชวนชาว CUB ขี่รถคู่ใจไปสนุกกับงาน HOLA SHAKA เทศกาลดนตรีและกีฬาทางน้ำประจำหน้าร้อน พบกับศิลปินระดับโลกและกิจกรรมอีกมากมายตลอดทั้งคืน พร้อมเปิดประสบการณ์เอ็กซ์คลูซีฟทดลองขับเรือ Jonny Boats ที่ริมทะเลสาบ วันที่ 27 เมษายน 2567 ณ Riverdale Marina จังหวัดปทุมธานี

ภายในงานเทศกาลดนตรีครั้งนี้ ยกขบวนศิลปินระดับโลกมาบรรเลงหลากหลายแนวดนตรีที่ Sunrise Stage ไม่ว่าจะเป็น NEIL FRANCES, MILLI และ SLUR และยังมีอีกหนึ่งไฮไลต์พิเศษส่งท้ายอย่าง ‘James Bay’ ศิลปิน Folk Rock ชาวอังกฤษที่จะมาแสดงแบบเต็มวงครั้งแรกในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีศิลปินอื่นๆ อีกมากที่มอบความสนุกตลอดทั้งคืน

สำหรับลูกค้า CUB House สามารถเข้าร่วมงาน HOLA SHAKA ได้ในราคาพิเศษเพียง 800 บาท โดยลูกค้าจะได้รับบัตรเข้าร่วมงาน มูลค่า 3,000 บาท พร้อมรับบอาหาร 2 มื้อ และบัตรเข้าร่วมกิจกรรม Workshop รวมมูลค่า 4,500 บาท

สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ที่ https://bit.ly/Registration_HolaShaka (มีจำนวนจำกัด)

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th/cubhouse

เฟซบุ๊ก CUB House : fb.com/cubhousebyhonda

เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : fb.com/hondamotorcyclethailand

#CUBHouse #HolaShaka #CubCultureเจอกันมันส์ริมเลค

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ปลูกป่าชายเลน ณ จังหวัดจันทบุรี สานต่อโครงการ “Root for Sustainability: รากกล้าแห่งความยั่งยืน” ปีที่ 3

0

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าคืนความสมบูรณ์สู่ธรรมชาติในโครงการ “Root for Sustainability: รากกล้าแห่งความยั่งยืน” ปีที่ 3 ด้วยการปลูกต้นโกงกางกว่า 12,000 ต้น บนพื้นที่ป่าชายเลน 16.57 ไร่ ณ ตำบลเกวียนหัก อําเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี มุ่งรับมือปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นสังคมคาร์บอนเป็นกลาง สอดคล้องกับความมุ่งมั่นดำเนินงานเพื่อสังคมของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ด้วยแนวคิด “สรรค์สร้างเคียงข้างสังคมไทย” ภายใต้หลักสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การศึกษาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ 

มร. โนโบรุสึจิประธานคณะกรรมการบริษัทมิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทย กล่าวว่า “ด้วยความมุ่งมั่นดำเนินการเชิงรุกเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608 โครงการปลูกป่าชายเลนของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ด้วยปณิธานที่จะรับผิดชอบต่อสังคมด้านสิ่งแวดล้อม โดยเรามีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการปลูกป่าและดูแลรักษาป่าอย่างต่อเนื่องไปถึง 10 ปี พร้อมกันนี้ เรายังสนับสนุนโครงการธนาคารสัตว์น้ำในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมระบบนิเวศของป่าชายเลนให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นอีกด้วย” 

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เริ่มดำเนินโครงการ “Root for Sustainability: รากกล้าแห่งความยั่งยืน เพื่อฟื้นฟูผืนป่าคืนธรรมชาติสู่สิ่งแวดล้อมในปี 2564 เริ่มต้นในจังหวัดชลบุรี สระแก้ว และนครราชสีมา ปัจจุบัน โครงการนี้ประสบความสำเร็จในการปลูกต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์บนพื้นที่มากกว่า 100 ไร่ มีเป้าหมายสร้างสิ่งแวดล้อมให้มีความสมบูรณ์ยั่งยืนยิ่งขึ้นเพื่อชุมชนท้องถิ่น 

ดร. ปิ่นสักก์สุรัสวดีอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า “การปลูกป่าชายเลนเพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก ถือเป็นหนึ่งในแนวทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยลดก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากป่าชายเลน 1 ไร่ มีศักยภาพในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 9.4 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าต่อไร่ต่อปี จึงช่วยลดการเกิดภาวะเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด นอกจากนี้ ป่าชายเลนยังช่วยปกป้องการพังทลายของชายฝั่งจากคลื่นและลม พร้อมกับช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่งอีกด้วย ในฐานะหน่วยงานหลักที่ดูแลทรัพยากรป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจึงได้ดำเนินโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อสนับสนุนและเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลน บริษัทต่าง ๆ ที่เข้าร่วมไม่เพียงได้มีส่วนช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนและได้รับคาร์บอนเครดิตจากการปลูกป่าเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ชุมชนบริเวณชายฝั่งให้ได้มีแหล่งจับหาสัตว์น้ำที่มีความหลากหลายทางชีวภาพเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน” 

นายจักรพงษ์พันธุ์โชตินายอำเภอขลุงจังหวัดจันทบุรีกล่าวว่า “จันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติทั้งพื้นที่ป่า ภูเขา ทะเล พร้อมกับมีชื่อเสียงอย่างแพร่หลายว่าเป็นแหล่งสินค้าทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหารทะเล ผู้คนในชุมชนอำเภอขลุงส่วนใหญ่มีอาชีพทำนาและประมง ระบบนิเวศชายฝั่งจึงมีความสำคัญกับคนในชุมชนเป็นอย่างมาก กิจกรรมปลูกป่าชายเลนที่ทุกภาคส่วนมาช่วยกันในครั้งนี้จึงถือเป็นการต่อยอด สร้างระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม และแหล่งอาหารอย่างยั่งยืนให้กับชุมชนชายฝั่งต่อไปในอนาคต” 

ในงานนี้ ทาง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้นำรถรุ่นต่างๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดน้ำมัน มาใช้งานเพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย ประกอบด้วย เอ็กซ์แพนเดอร์ครอสเอชอีวี รถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด  ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า มอบการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รองรับการโดยสารมากถึง 7 ที่นั่ง รวมถึง ออลนิวไทรทัน ที่นำมาใช้ขนย้ายต้นกล้าไปปลูกยังพื้นที่ป่าชายเลน ด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ใหม่ให้พละกำลังมากกว่าเดิม เพิ่มการประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น ให้ความแข็งแรงสมบุกสมบันพร้อมลุยในทุกสภาพถนน และ เอาท์แลนเดอร์พีเอชอีวี รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด ที่สามารถจ่ายไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ด้วยกำลังไฟมากสุด 1,500 วัตต์ โดยถูกนำมาใช้จ่ายไฟฟ้าให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในงาน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 63 ปีด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อการจัดการการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการดำเนินกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม หนึ่งในนั้นคือโครงการ “Root for Sustainability: รากกล้าแห่งความยั่งยืนที่มีเป้าหมายฟื้นฟูป่าและขยายพื้นที่ธรรมชาติ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตอย่างยั่งยืน

ชมภาพและวีดีโอกิจกรรม “Root for Sustainability: รากกล้าแห่งความยั่งยืนปีที่ทั้งหมดได้ที่https://bit.ly/MMThMangroveReforestationChantaburi

ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล จับมือ ทิปโก้ เปิดตัวเครื่องปอกสับปะรดหอมสุวรรณ ชูนวัตกรรมยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งให้เหนือไปอีกขั้น

0

คุณธนวัตร จิรจริยาเวช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทลและ คุณลือชา พิศิษฐการ ปฏิบัติหน้าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดตัวเครื่องปอกสับปะรดหอมสุวรรณ (HOM SUWAN PinaBar Cutting Machine)

ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล และบริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ที่ไม่ธรรมดาในทุกๆ วัน ให้กับลูกค้า ผ่านการผสมผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรม อำนวยความสะดวกและยกระดับการบริการให้แก่ลูกค้าที่ท็อปส์ ตามแนวคิด Every Day DISCOVERY พร้อม ชู 3 ไฮไลต์การใช้งาน ได้แก่ (1) ขั้นตอนที่ง่ายและเหมาะสำหรับลูกค้าทุกคน (Easy) เพียงนำสับปะรดหอมสุวรรณและกล่องใส่เข้าไป เครื่องจะปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นใส่กล่องพร้อมรับประทานโดยอัตโนมัติ (2) ความสะดวกรวดเร็ว ใช้เวลาปอกสับปะรดเพียง 15 วินาที (Fast) สามารถปอกสับปะรดได้กว่า 300 ชิ้นต่อวัน และ (3) การันตีความสะอาดและสดใหม่ของสับปะรด (Clean) ด้วยการทำความสะอาดเครื่องทุก 4 ชั่วโมง พร้อมพนักงานที่คอยให้คำแนะนำลูกค้าตลอดกระบวนการ

สับปะรดหอมสุวรรณ 1 ลูก ปอกและหั่นเป็นชิ้นใส่กล่องพร้อมทาน ด้วยเครื่องปอกสับปะรดอัจฉริยะ จำหน่ายในราคากล่องละ 69 บาท ต่อกล่อง โดยเริ่มนำร่องติดตั้ง พร้อมให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ครั้งใหม่ด้วยตัวเองได้แล้ววันนี้ ที่ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว เป็นสาขาแรก ก่อนเตรียมขยายไปยังสาขาอื่นๆ ต่อไป

#Tops #EveryDayDISCOVERY

แคนนอน เปิดตำนานพรินเตอร์สุดล้ำแห่งยุค “SELPHY” ฉลองความสำเร็จ 20 ปี ทำยอดขายรวมทั่วโลกได้มากกว่า 17 ล้านเครื่อง ชูจุดเด่นด้านพิมพ์ภาพคมชัด สีสันสดใส พกพาง่าย พร้อมแอปฯ เชื่อมต่อผ่านสมาร์ทดีไวซ์ สั่งพิมพ์ภาพได้ทันทีตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ 

0

แคนนอน (CANON) แบรนด์ผู้นำด้านเทคโนโลยีอิมเมจจิ้งระดับโลก ประกาศฉลองความสำเร็จครบรอบ 20 ปี เครื่องพิมพ์ภาพขนาดพกพา “SELPHY” กลุ่มผลิตภัณฑ์พรินเตอร์เพื่องานพิมพ์ที่ต้องการความรวดเร็ว ภาพที่คมชัด สีสันสดใส คุณภาพสูง ขนาดกะทัดรัดและพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสะดวกสบายด้วยประสิทธิภาพการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชันกับอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ที่รองรับ พร้อมเผยต้นกำเนิดและการพัฒนาดีไซน์มาอย่างต่อเนื่องของพรินเตอร์ ทำให้ดีไซน์ปัจจุบันพัฒนาให้มีขนาดเล็ก สวยงาม ทันสมัย ตอบโจทย์คนในยุคนี้มากขึ้น ทั้งยังช่วยสร้างความสนุกสนาน เติมเต็มกิจกรรมไลฟ์สไตล์ และทำให้ผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงนวัตกรรมการพิมพ์ภาพถ่ายได้ง่ายดายยิ่งขึ้นมาตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา

Canon SELPHY Series ถูกพัฒนาขึ้นในปี 2004 เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการพิมพ์ภาพถ่ายที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากการที่กล้องดิจิทัลเริ่มแพร่หลายอย่างรวดเร็วในช่วงต้นทศวรรษ 2000 โดยจนถึงเดือนเมษายน 2024 แคนนอนได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ SELPHY ไปแล้วมากถึง 31 รุ่น และทำยอดขายรวมทั่วโลกได้มากกว่า 17 ล้านชิ้นเลยทีเดียว

ชื่อ “SELPHY” เกิดจากการผสมคำระหว่าง “Self (ตัวเอง)” และ “Photography (การถ่ายภาพ)” สื่อถึงความคาดหวังของแคนนอนที่ต้องการให้ทุกคนสามารถพิมพ์ภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลอย่างง่ายดายได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้ผู้คนได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ ๆ และสนุกกับการถ่ายภาพมากขึ้น เครื่องพิมพ์ SELPHY มอบงานพิมพ์ภาพถ่ายคุณภาพสูงและมีความทนทานเป็นเลิศ ใช้เทคโนโลยีกระบวนการพิมพ์แบบ Dye Sublimation โดยจะพิมพ์ด้วยกระบวนการระเหิดน้ำหมึกจากแผ่นฟิมล์สีลงบนกระดาษ ด้วยความร้อน นอกจากนี้ยังใช้งานง่าย ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สะดวกต่อการพกพา ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ทำให้ SELPHY ได้รับความนิยมจากผู้ใช้หลากหลายกลุ่ม ซึ่งไม่เพียงเพื่อการแบ่งปันช่วงเวลาอันน่าประทับใจเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เพื่อผลิตผลงาน หรือใช้ในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ได้อย่างคล่องตัว ไม่ว่าจะเป็นการเก็บภาพบรรยากาศในงานแต่ง ไปจนถึงการถ่ายรูปติดบัตรที่ต้องการความรวดเร็วให้ทันต่อการใช้งาน

แคนนอนยังเป็นผู้บุกเบิกตลาดการพิมพ์ภาพถ่ายเป็นรายแรก ๆ ของโลกจากการเปิดตัวเครื่องพิมพ์สีแบบระเหิด (Sublimination Printer) รุ่น CP-10 เมื่อเดือนเมษายน 2004 และต่อมาในปีเดียวกัน ได้ออกผลิตภัณฑ์ SELPHY CP500 และ SELPHY CP400 (เดือนตุลาคม) และในช่วงเวลาเดียวกัน แคนนอนได้เปิดตัวแบรนด์ SELPHY เพื่อให้ผู้บริโภคคุ้นเคยกับแนวคิดของผลิตภัณฑ์จากชื่อของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน

แคนนอนมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ SELPHY อย่างต่อเนื่อง ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้ใช้งานรุ่นใหม่ ซึ่งเห็นได้จากรุ่น SELPHY CP710 ที่เปิดตัวในเดือนกันยายน 2005 มาพร้อมจอสี LCD และสามารถสั่งพิมพ์ภาพถ่ายได้โดยตรงจากเมมโมรีการ์ด หลังจากนั้นในเดือนกันยายน 2012 ก็ได้เปิดตัว SELPHY CP900 ซึ่งสามารถเชื่อมต่อสัญญาณ LAN แบบไร้สายผ่าน Wi-Fi® และเชื่อมต่อแบบไร้สายกับสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตได้เป็นผลสำเร็จ โดยเฉพาะเทรนด์การถ่ายภาพนอกสถานที่เริ่มเป็นที่ชื่นชอบของคนรุ่นใหม่ ทั้งในกิจกรรมไลฟ์สไตล์ อีเวนต์ใหญ่ในเมือง คอนเสิร์ต หรือการท่องเที่ยว ผู้บริโภคจึงเริ่มต้องการพรินเตอร์ขนาดเล็ก พกพาสะดวก และใช้งานได้ง่ายกว่าเดิม ดังนั้น ในเดือนเมษายน 2020 แคนนอนจึงได้นำเสนอ SELPHY SQUARE QX10 พรินเตอร์ที่มีขนาดเล็กเท่าสมุดโน้ต น้ำหนักเบา พร้อมแบตเตอรี่ในตัว พร้อมพัฒนาฟังก์ชันและดีไซน์พรินเตอร์ใหม่ ๆ มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้เปิดตัว SELPHY CP1500 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดในซีรีส์ CP เมื่อเดือนกันยายน 2022 มาพร้อมฟังก์ชันแก้ไขสีอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ภาพถ่ายที่คมชัดสีสันสดใส

แคนนอนยังได้พัฒนาแอปพลิเคชัน SELPHY Photo Layout สำหรับเครื่องพิมพ์ SELPHY โดยเฉพาะ ซึ่งนำเสนอฟังก์ชันการใช้งานใหม่ ๆ มากมาย อาทิ การสร้างภาพคอลลาจโดยรวมภาพถ่ายหลาย ๆ ภาพไว้ในภาพเดียวแบบอัตโนมัติ พร้อมการตกแต่งด้วยฟิลเตอร์และตราประทับที่สวยงามมากมาย ทั้งยังมีเค้าโครงกระดาษแบบต่าง ๆ รวมถึงกรอบสติกเกอร์ให้เลือกใช้หลายแบบ นอกจากนี้ แอปของ SELPHY ยังตอบโจทย์การใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนได้อย่างดีเยี่ยม เช่น การพิมพ์ภาพแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งเป็นสัดส่วนที่นิยมใช้กันมากในโซเชียลมีเดีย เป็นต้น

แคนนอนไม่เคยหยุดยั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันงานพิมพ์ใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เพลิดเพลินกับวัฒนธรรมการถ่ายภาพและสร้างสรรค์ผลงานตามจินตนาการได้อย่างง่ายดาย สนุกสนาน และสอดรับกับทุกกิจกรรมของทุกคน โดยแคนนอนตั้งเป้าขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ SELPHY เพื่อตอบโจทย์ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง พร้อมกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบต่อไป