เจอกันอีกแล้วสำหรับคอลัมน์ Travel Trip ครั้งนี้เราจะพาไปเดินเล่นชมรถเก่าวินเทจกันที่จังหวัดนครปฐมกัน ฮั่นแน่!! เริ่มสนใจเข้าแล้วมั้ยเล่า โอเค โอเค งั้นเล่าต่อเลย คือเราจะพาไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์รถเก่าๆ ที่ถึงเก่ามากๆ ในสไตล์วินเทจกันเลยหละ งั้นก็ตามอ่านกันต่อได้เลยนะครับ
สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ เราได้ยานพาหนะอย่าง Toyota Fortuner เป็นเพื่อนคู่การเดินทาง จริงๆ ก็ต้องบอกก่อนนะครับว่า เรานั้นชอบรถคันใหญ่ๆ แบบนี้อยู่แล้ว เพราะอะไรเหรอ? เพราะว่ารถคันใหญ่ที่มีสมรรถนะที่สูง ห้องโดยสารที่กว้างขวาง ด้านท้ายสามารถที่จะใส่ของได้อย่างจุใจ เดินทางไปไหนไกลๆ ก็ไม่ต้องห่วงและกังวล ขากลับก็ยังสามารถที่จะซื้อของฝากใส่เข้าไปได้อย่างเหลือเฟือ อันนี้ถือว่าตอบโจทย์สำหรับนักเดินทางท่องเที่ยวอย่างเราๆ ได้เป็นอย่างดี
จากลาดพร้างบางกะปิ เราออกเดินทางในช่วงสายๆ ของวัน อ๋อ! ลืบอกไปว่าทริปนี้เราจะพาไปเที่ยวที่จังหวัดนครปฐมกัน เป้าหมายของเราในครั้งนี้ก็คือ พิพิธภัณ์รถเก่า เจษฏา เทคนิค มิวเซี่ยม ซึ่งเป็นสถานที่ที่เก็บรวบรวมเอารถเก่าย้อนยุคในอดีตที่หาดูได้ยาก หรือแทบหาดูไม่ได้แล้ว มาเก็บรวบรวมเอาไว้ในสถานที่ที่เรียกว่า “พิพิธภัณ์รถเก่า เจษฏา เทคนิค มิวเซี่ยม”
การเดินทางไปยังเป้าหมายที่พิพิธภัณฑ์นั้น พวกเราตั้งใจกันเอาไว้ว่าจะไปแวะรับประทานมื้อเที่ยงกันก่อน โดยเราเลือกที่จะไปแวะกันที่ร้านดังแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า NAVA Tea Terrace ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านที่ขึ้นชื่อเลยก็ว่าได้ แหม! ไปเที่ยทั้งก็ขอแวะเช็คอินร้านดังๆ กันหน่อยสิครับ เดี๋ยวตกเทรนด์ 5555+
การเดินทางจากบางกะปิไปยังร้าน NAVA Tea Terrace ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่าๆ โดยมีระยะทางอยู่ที่ 63 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ก็ขับและนั่งรถ Toyota Fortuner แบบสบายๆ พวกเราเดินทางถึงที่ร้าน NAVA TEa Terrace เมื่อเวลาประมาณเที่ยงๆ ของวัน ก็ได้เวลารับประทานอาหารกันพอดี การเดินทางไปยังร้านเดี๋ยวนี้สะดวกก็ตรงที่มี Google Maps นี่แหละช่วยนำทาง ต้องขับรถเข้าไปในสวนมะพร้าวด้วยแต่ก็หาไม่ยาก มีป้ายบอกเป็นระยะๆ เหมือนกัน
จอดรถเสร็จก็พากันเดินเข้าไปอีกนิด ไม่ไกลมากนัก บรรยากาศที่นี่ดูร่มรื่นเย็นสบายๆ ทางเข้าถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย เดินเลยไปจนทะลุทางด้านนอกที่ติดกับแม่น้ำ เราสองคนรีบเดินตรงปรี่เข้าไปภายในร้าทันที อ้าว!! ก็มันหิวนี่ครับ
ร้าน NAVA Tea Terrace เป็นร้านที่จำหน่ายชาที่เสิร์ฟมาแบบอลังการงานสร้างจริงๆ นั่งจิบชาพร้อมกับรับประทานขนมหวานที่มีอยู่ในชุด มีข้าวเหนียวะม่วงด้วย ในแต่ละเมนูถูกรังสรรค์และประดิษประดอยอย่างปราณีต อ๋อ! ไม่ใช่สวยงามเพียงอย่างเดียวนะ รสชาติอร่อยด้วยขอบอก นั่งจิบชาพร้อมกับนั่งรับลมเย็นๆ จากแอร์คอนดิชั่นพอให้หายร้อน เมนูต่อไปก็เป็นอาหารมื้อเที่ยงกันต่อเลย เห็นชื่อร้าน หลายๆ คนก็คิดว่ามีแต่เมนูชาเท่านั้น ที่ไหนได้ ที่นี่มีจำหน่ายอาหารที่มีรสชาติอร่อยๆ โดนๆ มื้อเที่ยงในวันนี้พวกเราก็เลยจัดกันจนอิ่มหนำสำราญกันไป ทั้งของหวานและของคาว เฮ้อ! อิ่มแปล้เลย แล้วจะไปเที่ยวต่อกันไหวมั้ยเนี่ย? อ้าว! ซะงั้น 5555+
พวกเรานั่งหลบลมร้อนจนกระทั่งได้เวลาแดดร่มลมตก ก็ประมาณบ่ายสามโมงเห็นจะได้ การเดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์รถเก่าเจษฏาก็ได้เริ่มต้นขึ้น จากร้าน NAVA Tea Terrace เพื่อเดินทางไปยังเป้าหมาย ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ระยะทางก็เพียงแค่ 12 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ก็ไม่ไกลจากร้านมากมายอะไรนัก ก็ขับรถและฟังเพลงเพลินๆ ไปก็ถึง การเดินทางไปก็อาศัยเจ้า Google Maps อีกนั่นแหละ ก็ถือว่าเป็นแอ็ปที่ใช้ง่ายและสะดวกดี ที่สำคัญ ค่อนข้างจะแม่นยำว่างั้น
ช่วงบ่ายๆ ของวันศุกร์ การจราจรในย่านนครปฐมก็ถือว่าไม่หนาแน่นอะไรมากนัก ขับไปสักระยะหนึ่งก็จะมองเห็นทางรถไฟอยู่ข้างหน้า เสียงที่บอกพิกัดดังขึ้นจาก Google Maps เป็นระยะๆ ตลอดช่วงของการเดินทาง ทำให้เรารู้ว่าสถานที่ที่เราจะไปนั้นอยู่ไม่ไกลแล้ว
ทางด้านซ้ายมือของทางรถไฟ เราจะมองเห็นป้ายของชื่อสถานที่ที่เราจะไปเที่ยวกัน นั่นก็คือป้าย เจษฏา เทคนิค มิวเซียม มองเลยถัดจากป้ายออกไปก็จะเห็นว่ามีหัวรถจักร และโบกี้รถไฟตั้งวางโชว์อยู่ ตอนแรกที่เห็นก็นึกว่าถึงแล้ว ที่ไหนได้ ก็แค่เอามาตั้งโชว์เพื่อการโฆษณาเท่านั้นเอง
ดูจากพิกัดของ Google Maps ก็เห็นว่าเป้าหมายอยู่อีกไม่ไกลมากนัก ไม่กี่ร้อยเมตรเองก็จะถึง บรรยากาศในวันนี้มันเงียบๆ เหงาๆ ยังไงชอบกล ไม่เห็นมีรถลาหรือคนมาเที่ยวกันเลย อาจจะเป็นเพราะวันศุกร์ก็เป็นได้ อันนี้เดาและแอบคิดเอางเอง 5555+
เวลาเกือบๆ สี่โมงเย็น รถ Toyota Fortuner ก็เลี้ยวเข้าไปสู่ยังบริเวณด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์รถเก่าที่มีชื่อว่า เจษฏา เทคนิค มิวเซียม และก่อนที่จะพากันเดินเข้าไปเยี่ยมชมยังบริเวณด้านในของพิพิธภัณฑ์ พวกเราก็เลยขอสร้างภาพกันนีสนึง ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์จะมีเครื่องบินเก่าๆ ที่มีสีทหาร หรือสีซาฟารีจอดเด่นเป็นสง่าอยู่ ส่วนทางด้านซ้ายมือก็จะทำเป็นที่สำหรับให้คนที่มาเที่ยวจอดรถได้ ใช้เวลาไม่กี่นาทีพวกเราก็พากันเดินเข้าไปยังบริเวณด้านในของพิพิธภัณฑ์
พอเดินเข้าไป ทางด้านซ้ายก็จะเจอกับเจ้าหน้าที่ที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ที่ตรงนี้นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องทำการลงทะเบียนด้วยการกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อ นามสกุล และเบอร์โทร ะไรประมาณนั้น ก็ดูเป็นเรื่องเป็นราวดี และก่อนจะที่จะพาไปเยี่ยมชมรถโบราณ เรามารู้ประวัติและความเป็นมาของพิพธภัณฑ์เจษฏา เทคนิค มิวเซียม กันสักนิดพอเป็นสังเขปก็แล้วกัน
พิพิธภัณฑ์รถเก่า Jesada Technik Museum ก่อตั้งขึ้นโดย คุณเจษฎา เดชสกุลฤทธิ์ นักธุรกิจชาวไทย ท่ีเกิดจากความรักรถและยานหาหนะทุกชนิดของคุณเจษฎา เดชสกุลฤทธิ์ ที่มีมาตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ โดยเฉพาะประเทศในทวีปยุโรป สิ่งหนึ่งที่ไม่พลาดก็คือการเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ยานยนต์ของแต่ละเมืองที่ไปเยือน จนวันหนึ่งเกิดความคิดที่ว่าเมืองไทยน่าจะมีพิพิธภัณฑ์แบบนี้บ้าง จึงเริ่มสะสมรถโบราณเมื่อประมาณ 20 กว่าปีก่อน โดยช่วงแรก ๆ ได้เสาะหาจากภายในประเทศเป็นหลัก
สำหรับรถโบราณคันแรกที่ได้จากต่างประเทศ คือ Messerschmitt KR200 ไมโครคาร์สัญชาติเยอรมัน ที่ประมูลได้มาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อ พ.ศ. 2542 จากนั้นก็สะสมยานยนต์จากต่างประเทศเรื่อยมา ผ่านไปอีกหลายปี ยานยนต์ในคอลเล็กชั่นมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นหลายร้อยคัน จึงได้ตัดสินใจเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์แบ่งปันให้คนทั่วไปได้เข้าชมในปลายปี พ.ศ. 2549
ปณิธานของคุณเจษฎาในการก่อตั้งเจษฎาเทคนิคมิวเซียมนั้น ต้องการให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อสาธารณประโยชน์โดยที่คิดไม่หวังผลกำไร มุ่งหวังที่จะอนุรักษ์มรดกและประวัติศาสตร์ทางยานพาหนะและเครื่องจักรกลจากทั่วทุกมุมโลก มีวัตถุประสงค์ในการศึกษา เรียนรู้ เสริมสร้างทักษะ ประสบการณ์ และแรงบันดาลใจแก่นักเรียน นักศึกษา เยาวชน องค์กรภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป
Jesada Technik Museum จัดแสดงยานพาหนะโบราณทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เปิดให้เข้าเยี่ยมชมโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
เมื่อรุ้ประวัติกันคร่าวๆ ของที่นี่กันเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาพากันเดินเข้าไปด้านในเพื่อชมรถเก่ากันต่อเลย เดินย้อนออกมาทางเดิมแล้วก็เดินตรงเข้าไปด้านใน จะมองเห็นที่เก็บรถเก่าขนาดใหญ่ที่มุงหลังคา มองไปไกลๆ จะเห็นว่ามีถหลากหลายชนิดมากจอดเรียงรายอยู่ โอ้ว! แม่เจ้า มันช่างมากมายเยอะแยะซะเหลือเกิน
ทางด้านซ้ายมือของทางเข้า จะมีบอร์ดแสดงภาพถ่ายของคุณเจษฏาซึ่งเป็นเจ้าของติอยู่ ที่เหลือก็จะเป็นภาพถ่ายของรถเก่าวิเจแต่ละชนิดติดอยู่อีกจำนวนมากมาย เราหยุดยืนดูอยู่สักพักก็พากันเดินเข้าไปทางด้านซ้ายมือก่อน
มองเห็นก่อนเลยรถคันสีแดงโบราณย้อนยุค จอดโชว์สีสันแสบตาจนทำให้เราต้องหยุดบันทึกภาพ เดินเลยเข้าไปทางด้านซ้ายมือ บริเวณนี้ก็จะมีรถเก่าจอดเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก ในส่วนนี้จะมีเชือกกันเอาไว้ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปยุ่งกับตัวรถเลย เราก็ทำได้เพียงแค่หยุดบันทึกภาพกับเจ้ารถเก่าคันที่ว่าเท่านั้นเอง อืม! แค่นี้ก็สุขใจแล้ว
หันไปทางด้านขวามือก็จะทางสำหรับให้เราได้เดินเข้าไปด้านใน สองฟากฝั่งของทางเดินก็รายล้อมไปด้วยรถเก่าวินเทจจำนวนมากมาย มันทำให้เรางุนงงว่าจะถ่ายรถคันไหนก่อนดี มันเยอะซะเหลือเกิน เดินชมไปก็บันทึกภาพกับรถไป เพลินดีแท้ แต่ละคันที่เห็นส่วนมากเราจะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย บางครั้งก็เดินเข้าไปดูใกล้ๆ กับตัวรถ ชะโงกเข้าไปภายในห้องโดยสาร มันช่างคลาสสิคและสวยงามจริงๆ นี่ขนาดว่าเราไม่ใช่คนที่ชื่นชอบและสะสมรถเก่านะ แต่มันเหมือนมีมนต์สะกดให้เราหยุดอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ ได้เหมือนกัน น่านปะไร เดินไปสักพักก็จะเจอกับรถเก่าที่เป็นยี่ห้อเบนซ์ เราก็เลยหยุดสร้างภาพกันซะด้วยเลย ยี่ห้อนี้รู้จัก 5555+
ที่ Jesada Technik Museum รถแต่ละยี่ห้อหรือหรือแต่ละประเภท จะถูกจัดให้อยู่รวมกันเป็นหมวดเป็นหมู่อย่างชัดเจน บางยี่ห้อ บางรุ่น พวกเราก็ไม่รู้จักเลย ต้องบอกว่า ไม่รู้จักกันเลย ทำได้ก็เพียงแค่เดินดูกันๆ ถ่ายภาพกันไปอย่างเพลินๆ บางรุ่น บางยี่ห้อก็น่ารักมากๆ แต่ที่ชอบอีกอย่างก็คงจะเป็นเรื่องของสีสันของรถ ไม่สดเวอร์นเกินไป ให้สีดูแล้วคลาสสิคดี
เดินดูรถเก่าพร้อมๆ กับการถ่ายรูปแบบเพลินๆ ก็ได้แต่มองหน้ากันแบบงงๆ เพราะบางคัน บางรุ่น เราไม่รู้จักกันเลยแม้สักนิด ก็ไม่เป็นไร ก็ถือว่าได้มาเที่ยวชมและได้ถ่ายภาพก็ดีแล้ว พากันเดินไปจนถึงด้านในสุดแล้วก็พากันเดินอ้อมวกกลับไปทางด้านขวามือ
ที่ตรงนี้สองข้างทางจะมีรถเก่าจอดเรียงรายอยู่เป็นหมวดหมู่และเป็นระเบียบ จะมีทั้งรถเก่ายี่ห้อซีตรอง (Citroen) และรถเฟียต (Fiat) เดินไปอีกหน่อยก็จะเจอกับรถการ์ตูนรูปร่างน่ารัก น่ารัก ดูแล้วคล้ายๆ กับแมลงเต่าทอง ยังคิดอยู่ในใจว่า ถ้าเราเอาไปขับเล่นอญุ่บนท้อถนน สงสัยคนได้จอดรถมองกันเป็นแถวเป็นแนว จนทำให้รถติดกันระนาว ว่าไปนั่นเรา 5555+
เราสอคนเดินออกมาเรื่อยๆ จนกระทั่มาหยุดอยู่ที่รถเก่าคันหนึ่งซึ่งเป็นสีน้ำตาล มองดูแล้วเหมือนกับรถที่ทำจากไม้ คันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นรถยี่ห้ออะไร แต่ก็ช่างมันเถอะนะ อย่าไปรู้เลย จากนั้นก็เลยถือโอกาสหยุดสร้างภาพกับรถคันที่ว่าเสียด้วยเลย
เดินย้อนออกมาเรื่อยๆ จนจะถึงทางออกที่เราเข้าไปในตอนแรก ทางด้านซ้ายมือก็จะมีครื่องบินเฮลิค็อปเตอร์จอดอยู่ด้วยหนึ่งลำ ก็เป็นอันว่าภารกิจการเที่ยวชมรถเก่าวินเทจเป็นอันสิ้นสุดลง โดยรวมสำหรับการท่องเที่ยวในวันนี้ก็ถือว่าโอเคมาก ได้มาชื่นชมรถเก่าสะสม ได้ถ่ายภาพ ได้รู้ประวัติคร่าวๆ ของที่นี่ ได้เห็นความตั้งใจและมุ่งมั่นของเจ้าของ ที่ต้องการให้คนที่ชื่นชอบและหลงไหลในรถเก่าๆ วินเทจย้อนยุค ซึ่งหาดูหาชมที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ได้มาเที่ยวและชื่นชมพร้อมกับบอกผ่านเรื่องราวกันเป็นทอดๆ เพื่อให้คนอื่นได้ตามรอยของเราไปเยี่ยมชมของคลาสสิคและสวยๆ งามๆ กันต่อไป
ที่ Jesada Technik Museum เปิดให้บริการทุกวันยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 9.00 น. – เวลา 17.00 น. และที่นี่ยังมีกิจกรรมอากาศยานเพื่อการเรียนรู้กับ Jesada Airline ทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00 น. – เวลา 16.00 น.
สำหรับผู้ที่ต้องการเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะ โปรดจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ที่พิพิธภัณฑ์ (หยุดวันจันทร์) เบอร์โทร 034-339-468, มือถือ 086-979-5777, 086-979-6222 เว็บไซต์ http://www.jesadatechnikmuseum.com
ขอขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จํากัด ที่เอื้อเฟื้อรถยนต์ Toyota Fortuner สำหรับการเดินทางไปเดินเล่นๆ เพลินๆ ถ่ายภาพในครั้งนี้
พิกัด : Jesada Technik Museum