Tuesday, December 10, 2024
spot_img
HomeReviewsเดอะ บลูสกาย รีสอร์ท @ เขาค้อ เพชรบูรณ์

เดอะ บลูสกาย รีสอร์ท @ เขาค้อ เพชรบูรณ์

จำได้ว่าเราสองคนไปเยือน เดอะ บลูสกาย เขาค้อ ก็เมื่อประมาณ 5-6 ปีเห็นจะได้ ที่นี่เราเคยมาพักและเขียนเรื่องรีวิวลงในเว็บไซต์ฯ กันแล้ว และเมื่อเร็วๆ นี้ เราสองคนมีทริปที่จะเดินทางไปเที่ยวที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เราก็เลยนึกถึงที่พัก ซึ่งก็จะต้องเป็นสถานที่ที่สวยงาม หรูหรา และต้องมีความคลาสสิคอยู่ในตัว เพื่อที่เราจะได้พักผ่อนและเสพบรรยากาศไปด้วย แล้วเราก็เลือกที่นี่ “เดอะ บลูสกาย เขาค้อ” เป็นสถานที่พักของเราสองคนกับทริปท่องเที่ยวในครั้งนี้

เดินทางที่ที่พักในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ ของวัน ก่อนจะเข้าไปยังที่พักเราสองคนได้แวะที่ปั๊มน้ำมันซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับที่พัก ตอนแรกพิกัดบอกให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าที่พัก แต่ปั๊มน้ำมันเลยจากเส้นทาง เราก็เลยต้องขับรถเลยไปที่ปั๊มน้ำมันก่อน หลังจากนั้นเราก็ขับออกจากปั๊มน้ำมันเพื่อไปกลับรถมาเข้าในเส้นทางที่ิกัดบอกในตอนแรก แต่พอขับเลยจากปั๊มมาได้ไม่กี่เมตร เราก็เจอกับป้ายทางเข้าของ เดอะบลู สกาย เราสองคนก็เลยตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไป ที่ไหนได้ ทางเข้าที่พักของ เดอะ บลูสกาย สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง แต่เส้นทางอันแรกคือด้านหลังของที่พัก ส่วนดสเนทางเส้นนี้คือทางด้านหน้าของที่พัก ก็เป็นอันว่าเรามาถูกทาง ใช่เลย

อากาศในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันยังคงร้อนอยู่มาก ท้องฟ้าโปร่งมีเมฆประปราย ท้องฟ้าสีเข้มสวย ขับรถผ่านประตูเข้าทางด้านหน้าแล้วไปจอดยังที่จอดรถของที่พัก มีพนักงานมาคอยโบกรถอำนวยความสะดวกให้ จอดรถเสร็จก็พากันเดินเข้าไปทำการเช็คอินที่ภานในตัวอาคารด้านซ้ายมือ บรรยากาศของที่พักดูแล้วไม่เหมือนเมืองไทย คล้ายๆ ว่าเราว้าปไปอยู่ที่อังกฤษ อะไรประมาณนั้น

รูปแบบสถาปัตยกรรมของ เดอะ บลูสกาย เขาค้อ เป็นแบบอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นตัวอาคารที่พัก การจัดสวน หรือแม้กระทั่งการตกแต่งทั้งหมด มันช่วยสร้างบรรยากาศแตกต่างไปจากที่พักธรรมดาหรือแบบทั่วๆ ไปที่เราเคยพบเจอมา ทำการเช็คอินเสร็จเรียบร้อยพร้อมกับรับกุญแจห้องก็เดินกลับออกมา  พนักงานช่วยขนกระเป๋าเดินทางพร้อมด้วยสัมภาระไปขึ้นรถกอล์ฟที่จอดรออยู่ ซึ่งอาคารที่เราสองคนจะพักก็อยู่ใกล้ๆ นี่เอง มองเฉียงขึ้นไปทางด้านซ้ายมือก็เจอเลย หรือถ้าหากว่าจะเดินขึ้นไปเองก็ได้ ถือเป็นการออกกำลังกายเพื่อเรียกเหงื่อไปในตัว

รถกอล์ฟเคลื่อนตัวไปตามทางพร้อมกับขับขึ้นเนินเขาที่ลาดชัน ไม่นานก็ไปจอดอยู่บริเวณทางด้านของตัวอาคาร ซึ่งชื่ออาคารก็คือ “Chateau de Bluesky” ตัวอาคารดูแข็งแรงมาก รูปแบบตัวอาคารเป็นแบบอังกฤษ ตัวอาคารทั้งหมดทาด้วยสีขาว หลังคาสีเขียวอมเทา รูปแบบของห้องพัก “Chateau de Bluesky” มีทั้งหมดด้วยกันกัน 5 รูปแบบ ได้แก่ Chateau Deluxe King, Chateau Deluxe Twin, Chateau Corner ชั้น 1-2, Chateau Junior King ชั้น 3 และ Chateau Corner ชั้น 3 โดยรูปแบบของห้องและการตกแต่งก็จะแตกต่างกันออกไป แต่ก็คุมคอนเซ็ปท์โดยรวมทั้งหมดเอาไว้ในสไตล์ยุโรป

พากันเดินขึ้นไปยังห้องที่เราจะพักในค่ำคืนนี้ ซึ่งเราพักอยู่ที่ชันสอง คือ Chateua Corner ลูกค้าจะต้องเดินขึ้นไปห้องของตัวเองด้วยเดินขึ้นบันได ที่อาคานี่จะมีลิฟท์สำหรับเอาไว้ขนกระเป๋าและสัมภาระของลูกค้าเท่านั้น หรือถ้าหากว่าจำเป็นจริงๆ ก็สามารถที่จะใช้บริการก็ได้ด้วยเหมือนกัน

เราสองคนพักอยู่ที่ห้องหมายเลข 8206 ใกล้ๆ กับบันไดขึ้นลงพอดี ก่อนเข้าไปในห้อง เราสองคนก็ขอสร้างภาพกันนิดนึง พลาดไม่ได้บอกเลย พนักงานขนกระเป๋าและสัมภาระมาส่งให้ถึงที่ห้อง เสร็จแล้วก็ขอตัวกลับออกไป เรารีบเข้าไปในห้องพร้องกับปิดประตู

หันดูรอบๆ บริเวณห้องถึงกับพากันร้องว้าวเลย สวย หรูหรา คลาสสิคตามสไตล์ แตกต่างจากที่พักที่อื่นอย่างสิ้นเชิง การจัดวางเตียง โต๊ะ และของตกแต่ง ถือว่าลงตัว การใช้โทนสีโดยรวมดูแล้วอบอุ่น สะอาด และที่นอนก็เนียนนุ่ม ภาพเขียนด้านหัวนอนเป็นแบบสีดูโอโทน ดูแล้วคลาสสิคแบบอาร์ตๆ ดี 

ด้านปลายเตียงก็จะมีโต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้ให้ เหนือต๊ะทำงานขึ้นไปก็จะมีทีวีแอลอีดีขนาด 32 นิ้ว พร้อมระบบการรับชมผ่านอินเตอร์เน็ท ถัดไปทางด้านขวามมือของโต๊ะทำงาน ตรงนี้ก็จะมีโต๊ะวางอุปกรณ์ชงกาแฟ ใต้โต๊ะจะมีตู้เย็นขนาดเล็กให้พร้อมน้ำดื่มให้สองขวด เหนือโต๊ะขึ้นไปจะเป็นชั้นวางของขนาดเล็ก มีรูปพร้อมกรอบวางอยู่หนึ่งอัน 

ในส่วนของห้องน้ำ พอเปิดประตูเข้าไปด้านใน ด้านขวามือก็จะเป็นอ่างล้างหน้าและอุปกรณ์อาบน้ำวางอยู่ ด้านในขวามือสุดจะเป็นชักโครก เหนือขึ้นไปที่ผนังด้านบน จะมีตะกร้าหวายใส่ดอกไม้สีสดใส่แขวนอยู่สองชุด ถัดไปทางด้านซ้ายมือก็จะเป็นในส่วนของห้องอาบน้ำ มีม่านกันไม่ให้น้ำกระเซ็นออกมาข้างนอกเวลาอาบน้ำ ก็ถือว่าออกแบบมาได้อย่างลงตัว ดูแล้วไม่อึดอัด ถัดมาทางด้านซ้ายใกล้ๆ กับประตูห้องน้ำ ตรงนี้จะมีตะขอเอาไว้สำหรับแขวนผ้าเช็ดตัวนั้น จะวางอยู่ในตะกร้าที่ห้องนอน ซึ่งอยู่บนโต็ะที่มีตู้เซฟเก็บของมีค่า ถัดไปทางด้านซ้ายมือจากโต๊ะทำงานจะติดตั้งกระจกเงาขนาดพอประมาณเอาไว้ มีภาพเขียนติดอยู่เหนือกระจกเงาซึ่งก็อยู่ในกรอบอันเดียวกัน

สำรวจภายในห้องนอนเสร็จแล้วก็ออกไปยืนรับลมชมวิวที่ระเบียงด้านนอกห้องกัน ที่ระเบียงเราสามารถมอเห็นวิวทิวทัศน์ของเดอะบลูสกายได้ถึง 180 องศากันเลยทีเดียว มองไปไกลๆ สุดตาจะมองเห็นภูเขาน้อยใหญ่ซ้อนสลับกันเป็นฉากหลังสวยงาม ทางด้านซ้ายจะมองเห็นตัวอาคารของเดอะบลูสกายรายล้อมอยู่ มองตรงไปทางด้านซ้ายมือจะเห็นสิ่งก่อสร้างสีส้มที่มีนาฬิกา ตรงนั้นจะเป็นสถานที่สำหรับรับประทานอาหาร บริเวณด้านขวาทางลาดลงไปตรงกลางจะเป็นสวนดอกไม้ คือ TheBlueSky Garden ซึ่งเป็นสวนอังกฤษที่มีขนาดกว่า 10 ไร่ สวนนี้สร้างขึ้นในปี 2016 เป็นสวนที่เชื่อมระหว่างร้านอาหารและคอนโดสไตล์ปราสาทยุโรป The Castell

ส่วนทางบริเวณด้านขวามือก็จะมองเห็นปราสาท เขาวงกต (The Maze) เป็นทุ่งวงกตขนาดใหญ่ที่ลายล้อมไปด้วยผนังต้นไม้สีเขียว ออกแบบให้เราเดินเล่นกันว่าจะสามารถไปถึงในส่วนตรงกลางที่เป็นหอคอยได้หรือไม่ ถือว่าเป็นกิจกรรมสนุกๆ ระหว่างการพักผ่อนที่นี่ บริเวณใกล้ๆ กันทางด้านขวามือก็จะมีร้านจำหน่ายเครื่องดื่ม ชื่อร้าน “เมนูบ้านกาแฟ” ก้ประมาณว่าเดินถ่าวยรูปชมวิวกันร้อนๆ และเหนื่อย ก็สามารถแวะไปสั่งเครื่องื่มเย็นๆ นั่งพักเหนื่อยไปด้วย หายเหนื่อยก็ค่อยออกมาเดินเล่นสร้างภาพกันต่อ

บริเวณตรงนี้จะมีเนื้อที่กว้างขวางมาก พื้นหญ้าสีเขียวๆ ตัดกับดอกไม้และตัวอาคารสีขาว สร้างภาพออกมาแล้วสวยงาม ครั้งนี้เราโชคดีที่ไปเจอกับการเปลี่ยนบรรยากาศ ทาง เดอะบลูสกาย เขาค้อ ได้สร้างปราสาทเจ้าหญิง ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่ได้มาจากการ์ตูน โดยใกล้ๆ กันก็จะมีเจ้าหญิงกัยคนแคระทั้งเจ็ด รอบๆ บริเวณปราสาทก็จะมีการตกแต่งไปด้วยดอกไม้แห้งเป็นสีๆ และรถม้า

default

ใครที่ชอบสร้างภาพก็เพลินกันเลยทีเดียว ก็ต้องบอกเลยว่า มาพักที่ เดอะ บลู สกาย เขาค้อ  นอกจากจะได้พักผ่อนกับที่พักในรูปแบบสไตล์ยุโรปแล้ว เรายังจะได้ชื่นชมไปกับสวนดอกไม้ สถานที่สวยๆ ให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินไปกับการถ่ายรูปสร้างภาพ แถมบรรยากาศโดยรวมก็ดีอีกด้วย 

ตื่นเช้ามาด้วยอากาศที่เย็นสดชื่นหลังฝนหยุดตก มองดูบรรยากาศรอบๆ ที่พักของ เดอะบลูสกาย มันช่างชุ่มฉ่ำสดชื่นดี จากที่พักที่ “Chateau de Bluesky” การจะไปรับประทานอาหารเช้าก็จะต้องเรียกรถกอล์ฟให้มารับ ระยะทางก็ไกลพอสมควร แต่ถ้าใครใคร่จะเดินออกกำลังหรือชมวิวทิวทัศน์ก็สามารถทำได้ แต่สำหรับเราสองคนขอนั่งรถไปดีกว่านะ เก็บแรงเอาไว้ไปเดินถ่ายรูปสร้างภาพหลังมื้อเช้ากันดีกว่า 

รถกอล์ฟขับไปส่งยังสถานที่รับประทานอาหารเช้าที่หอนาฬิกาสีส้มๆ หลังจากนั้นก็เดินขึ้นบันไดไปอีก แสงแดดเริ่มสาดส่องไปทั่วบริเวณ ไอความร้อนเริ่มแผ่กระจายให้ได้รู้สึก  เราสองคนเดินเข้าไปยังบริเวณด้านสุด เลือกโต๊ะสำหรับนั่งรับประทานอาหาร เสณเจแล้วก็เดินเข้าไปเลือกตักอาหารมาเพื่อรับประทาน  

รายการอาหารก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งอาหารไทยและเทศ ก็เหมือนกับที่พักทั่วๆ ไป รวมไปถึงเครื่องดื่มที่เป็นชาและกาแฟ  แต่ถ้าต้องการกาแฟสดหรือเมนูเครื่องดื่มชนิดอื่นที่นอกเหนือ ที่นี่ก็มีเสิร์ฟโดยคิดค่าบริการ ราคาก็ไม่ถึงกับแพงมาก ไอสครีมหลากหลายรสชาติก็มีให้เลือก

มื้อนี้เราสองคนก็รับประทานกันแบบง่ายๆ เพราะด้วยความที่อยากจะไปเดินเล่นชมวิวทิวทัศน์เพื่อสร้างภาพ ที่นี่มีมุมสวยๆ เก๋ๆ ให้ลูกค้าได้เดินชมและสร้างภาพกันเยอะเลย มองดูวิวของ เดอะ บลู สกาย จากริมระเบียงทางด้านบนจะมองเห็นวิวของที่นี่แทบจะครบทุกด้านกันเลย 

หลังจากรับประทานอาหารมื้อเช้ากันเสร็จแล้ว เราสองคนก็ไม่พลาดที่จะไปเดินเล่นสร้างภาพกับสถานที่สวยๆ ของ เดอะ บลู สกาย ที่นี่มีมุมให้เราสร้างภาพเยอะแยะมากมาย ดีที่อากาศในวันนี้ไม่ค่อยร้อนมากเท่าไหร่ ท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมประปราย แต่ก็เหนื่อยและเมื่อขาเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เหนื่อยและกระหายน้ำก็แวะเข้าไปนั่งพักที่ร้าน เมนูบ้านกาแฟ สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มาดื่มให้ชื่นใจหายร้อนแล็ก็ออกมาเดินเล่นสร้างภาพกันต่อ ก็ใช้เวลาเดินเล่นชมวิวและถ่ายรูปกันอยู่นานร่วมๆ ชั่วโมงก็ได้เวลาเดินทางกลับเข้าห้องพัก

default

ในช่วงที่เรามาพักก็ย่างเข้าต้นฤดูร้อน แต่ก็มีมวลอากาศของความเย็นหลงเหลืออยู่ให้ได้สัมผัส บางวันก็มีฝนตกลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำ โดยรวมๆ แล้วที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่พักที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวได้ดีที่เดียว ที่พักสวยงามคลาสสิคตามสไตล์ บรรยากาศดี มีมุมสวยๆ  เยอะแยะมากมาย มีสวนดอกไม้ให้เข้าไปชม โดยปกติกถ้าเป็นคนนอกจะต้องเสียค่าเข้า แต่ถ้าเราเป็นลูกค้ามาพักที่นี่ก็เข้าชมฟรี เฮ้ย! ดีงาม 

หรือถ้าใครต้องการจะเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ ก็ได้เลย เพราะ เดอะ บลู สกาย เขาค้อ อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว, ชมทะเลหมอกที่อ่างเก็บน้ำรัตนัย, ทุ่งกังหันลมเขาค้อ, วัดอานันทคีรี, ไร่สตรอเอบรี่ก็มีอยู่เยอะ รวมไปถึงร้านอาหารและร้านกาแฟที่มีบรรยากาศดีๆ ก็มีให้เลือกมากมาย

สนใจหรือต้องการจองห้องพักก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ เว็บไซต์ https://www.theblueskyresort.com/khaokho/ หรือติดต่อได้ที่เบอร์โทร +(66 2) 247-7310-11 (8:30-17:00 จันทร์-เสาร์) อีเมล์ sales@theblueskyresort.com

RELATED ARTICLES
spot_img
spot_img
spot_img

Most Popular