เป็นนักเดินทางท่องเที่ยวมันก็ต้องเที่ยวสิครับ ว่ามั้ย? แต่การเดินทางจะไปอย่างไร เพราะในแต่ละสถานที่ก็มีทั้งไกลและใกล้ ที่สำคัญเราก็ต้องมียานพาหนะสำหรับใช้เดินทาง ครั้งนี้พวกเราได้รถยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะอย่าง MG GS 1.5 Turbo เป็นเพื่อคู่การเดินทาง และที่ขาดไม่ได้สำหรับการท่องเที่ยวนั่นก็คือ การบันทึกภาพ เราได้กล้องที่ถ่ายแล้วสามารถปริ๊นท์รูปออกมาเลยอย่างกล้อง Fuji Instax SQ10 ไปเพื่อบันทึกภาพการท่องเที่ยวของพวกเราในครั้งนี้ด้วย
สำหรับรถยนต์ MG GS 1.5 Turbo คันนี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1,500 ซีซี. ให้พลังถึง 167 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 1,700 – 4,400 รอบต่อนาที มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ TST-7 Speed ที่ตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็วทันใจผู้ขับ ด้วยรูปทรงที่ดูสง่างามกำลังพอดีทั้งภายนอกและภายใน นอกเหนือไปจากนั้น ยังมีมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครบครัน และที่สำคัญ สามารถที่จะเติมน้ำมัน E85 ซึ่งเป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย
ช่วงบ่ายๆ ของวัน พวกเรานั่งรถยนต์ MG GS 1.5 Turbo เพื่อออกเดินทางไปเดินเที่ยวถ่ายรูปกันที่ “ไทยธานี” ซึ่งเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมและศิลปะที่อยู่ภายในบริเวณของสวนนงนุช พัทยา อันดับแรกก็คือการฟังเพลงจากสมาร์ทโฟน ต่อเข้าเครื่องเสียงรถยนต์ด้วยการต่อผ่านบลูทูธ รถคันนี้สามารถตั้งค่าได้อย่างง่ายดาย เสียงที่ได้ยินถือว่าเป็ฯที่น่าพอใจเอามากๆ ขับออกจากที่พักที่ Sunset Park Resort and Spa ก็มุ่งตรงไปยังสถานที่ที่เราจะไปในทันที
ขับรถมุ่งหน้าไปยังสถานที่อย่างเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลง ท้องฟ้าแจ่มใสแบบนี้ก็ต้องลองเปิด Sunroof เล่นกันหน่อย ที่นั่งด้านหลังมีเนื้อที่กว้างขวาง ไม่อึดอัด มีที่วางของอยู่ตามจุดต่างๆ เท่าที่จำเป็น โดยเฉพาะตรงกลางระหว่างที่ด้านหลัง ก็สามารถที่จะดึงที่สำหรับพักแขนลงมาได้ด้วย และมันยังเป็นที่สำหรับวางแก้วน้ำได้อีกด้วย อันนี้ถือว่าตอบโจทย์และสะดวกเอามากๆ ในยุคปัจจุบัน
อากาศในวันนี้ค่อนข้างร้อนอบอ้าว ท้องฟ้าเปิดจนพวกเราต้องขับถแวะเข้าไปนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ กันที่ปั๊มเชลส์ และเราก็เลยถือโอกาสแวะเติมน้ำมัน E85 ให้กับเจ้า MG GS 1.5 Turbo คันนี้ซะด้วยเลย
ที่ปั๊มเชลส์นี้จะมีร้านกาแฟที่ชื่อว่า Deli Cafe ซึ่งเป็นร้านในส่วนของปั๊มเชลส์นั่นเอง บรรยากาศและการตกแต่งถือว่าโอเคใช้ได้เลย เหมาะสำหรับคอกาแฟและพวกที่ต้องการนั่งชิลล์ๆ แบบสโลว์ไลฟ์ ก็พวกเราก็เป็นหนึ่งในกลุ่มด้วยเหมือนกัน 5555+
ใช้เวลานั่งหลบไอร้อนที่ร้านก็น่าจะร่วมๆ ชั่วโมง เวลาที่จะเดินทางไปเดินเล่นถ่ายรูปกันที่ไทยธานีก็ได้เริ่มขึ้น ขับรถยนต์ MG GS ออกจากปั๊มเชลส์เข้าสู้ถนนหลัก มุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ที่เราจะไปเดินเล่นถ่ายรูปกัน สำหรับที่ไทธานีจะอยู่ทางเข้าไปยังสวนนงนุช ขับผ่านรูปปั้นที่เป็นผลไม้ที่ทางสวนนงนุชได้ทำเอาไว้ โดยที่รูปปั้นของผลไม้จะมีขนาดใหญ่ ตั้งวางอยู่เรียงรายต่อๆ กันตามแนวของถนน นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมาก็เลยถือโอกาสแวะถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลิน
และสนุกสนาน
จากรูปปั้นของผลไม้ พวกเราก็นั่งรถเข้าไปอีกไม่ไกลมากก็ถึง เวลานี้แดดค่อนค่างจะอ่อนกำลังความแรงลงไปบ้าง บางครั้งก็มีเมฆมาบดบังแสงอันแรงกล้า ลมเย็นก็มีโชยพัดมาให้ได้รู้สึกกันบ้าง ขับรถเข้าไปจอดถ่ายรูปกันที่บริเณทางเข้าที่เป็นซุ้มประตูขนาดใหญ่ของไทยธานี คราวนี้ก็ได้เวลาการทำหน้าที่ของกล้องฟูจิ Instax Square SQ10 หยิบกล้องออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับเปิดปุ่มพาวเวอร์ กล้องฟูจิรุ่นนี้มีขนาดกรพทัดรัด จับถนัดมือดี รูปร่างเกือบๆ จะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส การออกแบบถือว่าทำได้ดี ตัวที่ได้มาทดสอบจะเป็นสีดำ หน้าตาดูหรูเลยทีเดียว
ไทธานี เป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมและศิลปะ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจัดแสดงศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศไทยในแต่ละภาค สร้างและรวบรวมเอาไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้แวะเวียนเข้ามาเพื่อทำการศึกษา เรียนรู้ ภายในศูนย์ฯ จะมีกิจกรรมให้กับทางนักท่องเที่ยวได้ทำกัน อย่างเช่น เพ้นท์ร่ม, นั่งรถม้าแอ่วเมือง, ทำขนมไทยชาววัง, ปั้นดิน และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนั้นยังมีมุมให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปอีกมากมาย เดี่ยวค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ ดูภาพประกอบไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันนะครับ
การมาเที่ยวที่ไทธานีในครั้งนี้ เราถือโอกาสบันทึกภาพด้วยกล้องฟูจิ Instax Square SQ10 ซะส่วนใหญ่ เพราะว่ากล้องรุ่นนี้ เวลาบันทึกภาพแล้ว เราสามารถที่จะปริ๊นท์ออกมาดูได้เลย แต่ที่พิเศษกว่ารุ่นก่อนๆ ก็คือ รุ่นนี้เวาลาบันทึกภาพเสร็จแล้ว เราสามารถที่จะเก็บภาพเอาไว้ในกล้องก่อนก็ได้ เพราะกล้องรุ่นนี้มันจะมีปุ่มให้เราเลือกอยู่สองแบบคือ แบบออโต้และปุ่มแมนนวลนั่นเอง
พวกเราอยู่สร้างภาพที่บริเวณซุ้มทางเข้าด้วยกล้องฟูจิ Instax Square SQ10 อยู่จำนวนหลายภาพจนเป็นที่พอใจ ถ่ายเสร็จก็ปริ๊นท์ออกมาดูกันเลย และก่อนที่จะปริ๊นท์ เราสามารถที่จะเลือกเอฟเฟคในการแต่งรูปด้วยก็ได้ หรือจะเลือกก่อนถ่ายก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน อันถือว่าสะดวกและตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
ภาพที่ถ่ายด้วย Fuji Instax Square SQ10
เดินลอดผ่านซุ้มประตูขนาดใหญ่เข้าไปยังบริเวณด้านใน บริเวณตรงนี้จะเป็นกว้างๆ ปูด้วยกระเบื้องสีแดงเป็นผืนยาว พวกเราหยุดถ่ายรูปกันอบ่างสนุกสนานกันที่ตรงนี้ก็นับหลายสิบภาพ ทั้งด้วยกล้องฟูจิ Instax Square SQ10 และกล้องดิจิอล เจ้ากล้องฟูจิรุ่นนี้ ยิ่งถ่ายก็ยิ่งสนุกและเพลิดเพลิน รูปไหนที่ไม่ชอบก็สามารถลบทิ้งไปได้เลย เวลาที่จะปริ๊นท์เราก็สามารถปรับแต่งเอ็ฟเฟคและทำการคร็อปภาพได้อีกด้วย
ภาพที่ถ่ายด้วย Fuji Instax Square SQ10
พวกเราพากันเดินเลี้ยวไปทางขวามือ วันนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนมีจำนวนไม่มากเท่าไหร่ การบันทึกภาพจึงดำเนินไปด้วยความราบรื่นดี เดินจนเลยเข้าไปด้านในสุดเกือบจะถึงฝั่งที่เป็นทางเข้าอีกด้าน ซึ่งจะเป็นในส่วนของการทำกิจกรรม ที่ให้นักท่องเที่ยวได้มาลองทำด้วยตัวเอง อย่างเช่น การเพ้นท์ร่ม, การทำดอกไม้เทียน และแกะสลักผลไม้ ที่ตรงนร้พวกเราก็เลยสนุกสนานทั้งถ่ายรูปและลองทำในกิจกรรมที่ทางไทธานีจัดให้ สำหรับการบันทึกภาพด้วยกล้องฟูจิก็ได้ดำเนินการไปหลายสิบภาพเหมือนกัน
ภาพที่ถ่ายด้วย Fuji Instax Square SQ10
จากบริเวณนี้ พวกเราก็มากันเดินย้อนกลับไปทางเดิม เสียงนักท่องเที่ยวชาวจีนพูดคุยกันอย่างเซ็งแซ่ พวกเราเดินผ่านไปจนกระทั่งไปหยุดสร้างภาพกันที่กำแพง อากาศร้อนๆ อบอ้าวในเวลาที่ท้องอึมครึม รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมากันอย่างถ้วนหน้า น้องที่เป็นเจ้าหน้าที่ของไทธานีก็พาพวกเราเดินเข้าไปนั่งดื่มน้ำเย็นๆ ดับกระหายภายในร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ๆ กับทางเดิน
ภาพที่ถ่ายด้วย Fuji Instax Square SQ10
เมื่อร่างกายได้รับความเย็นและสดชื่น การเดินชมรอบๆ บริเวณและสร้างภาพก็ได้ดำเนินการต่อ เดินไปจนสุดทางแล้วก็พากันเลี้ยวไปทางซ้ายเพื่ออ้อมกำแพง แหงนหน้ามองขึ้นไปก็จะเจอกับป้ายบ่งบอกสถานที่และทิศทางที่จะไป ตรงไปก็จะเป็นห้องน้ำ ไปทางซ้ายก็จะเป็นคุ้มขันโตกและหอศิลป์ พวกเราพากันเดินไปทางซ้ายที่จะไปยังคุ้มขันโตกและหอศิลป์ เดินถ่ายรูปเพลินๆ ก็ไปเจอเอาเด็กที่แต่งชุดไทยโบราณน่ารักๆ กล้องฟูจิ Instax Square SQ10 ก็ได้ถูกหยิบขึ้นมาทำหน้าที่ในการบันทึกภาพในทันที บันทึกภาพเสร็จก็ยังไม่ปริ๊นท์ก่อน เดี่ยวค่อยไปปริ๊นท์กันทีหลังก็ได้ อันนี้คือความพิเศษที่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง
ภาพที่ถ่ายด้วย Fuji Instax Square SQ10
ภาพที่ถ่ายด้วย Fuji Instax Square SQ10
บริเวณที่เรายืนถ่ายรูปเด็ก ก็จะตรงกับประตูทางเข้าด้านหลังของจตุรมุข ซึ่งสร้างขึ้นมาได้สวยงามและปราณีตเอามากๆ และก่อนที่ขจะเดินต่อไปยะงหอศิลป์ ก็เลยขอแวะเข้าไปบันทึกภาพด้านในของหอจตุรมุขกันอีกหน่อย ด้านในทางด้านขวามือ จะมีรูปปั้นของพระพุทธเจ้าปรางค์ต่างๆ ประดิษฐานเรียงรายอยู่หลายองค์ สีทองเหลืองอร่ามมันชวนให้เราอดไม่ได้ที่จะต้องเดินเข้าไปกราบไหว้และบันทึกภาพกัน
ภาพที่ถ่ายด้วย Fuji Instax Square SQ10
เดินย้อนออกทางประตูด้านหลังแล้วเลี้ยวซ้ายตรงไปยังหอศิลป์ ทางด้านขวามือที่ถัดไปจากต้นไม้ จะสร้างเป็นบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ของคนสมัยโบราณ พวกเราพากันแวะเข้าไปเยี่ยมชม และถ่ายภาพด้วยกล้องฟูจิอีกสองสามภาพก็พากันเดินเลียวไปทางซ้าย และก่อนที่จะถึงหอศิลป์ที่อยู่ทางด้านขวามือ จะมีสนามเด็กเล่นที่มีเครื่องเล่นหลายอย่าง มีทั้งชิงช้าและกระดานหกให้นักท่องเที่ยวหรือเด็กได้ไปลองเล่นกัน
ภาพที่ถ่ายด้วย Fuji Instax Square SQ10
จากลานเครื่องเล่น พวกเราเดินเข้าไปเยี่ยมชมยังหอศิลป์กัน ที่นี่จะมีการจัดแสดงทั้งภาพถ่าย, งานหัตถกรรม, ถ้วยชามของเก่า และอื่นๆ อีกหลายสิ่งอย่างให้ได้ชื่นชมและศึกษาประวัติและความเป็นมากัน ที่บริเวณตรงกลางก็จะมีงานแกะสลักช้างขนาดใหญ่วางตั้งอยู่อย่างน่าเกรงขาม ขาสีขาวสะอาดตา ด้านหน้าจะมีเก้าอีที่ทำจากตอไม้วางเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักและถ่ายรูปกัน
ภาพที่ถ่ายด้วย Fuji Instax Square SQ10
กล้องฟูจิ Instax Square SQ10 ที่ถืออยู่ในมือ ได้ทำหน้าที่ในการบันทึกภาพอย่างต่อเนื่องในขณะที่เดินชมไปรอบๆ บริเวณ เป็นกลอ้งรุ่นที่สะดวกเอามากๆ บันทึกภาพเสร็จก็ยังไม่ต้องปริ๊นท์ภาพออกมาก็ได้ เก็บเอาไว้ในเครื่องก่อน เมื่อพร้อมเมื่อไหร่เราก็ค่อยทำการปริ๊นท์ภาพออกมา อันนี้ชอบมากๆ เลย
ภาพที่ถ่ายด้วย Fuji Instax Square SQ10
เสียงลมและเสียงจากนักท่องเที่ยวดังปะปนคลอเค้ากันไปมา บริเวณด้านที่ถัดจากหอศิลป์ก็จะเป็นคุ้มขันโตก เวลาในตอนนี้ก็เกือบๆ จะหกโมงเย็นแล้ว นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มากับทัวร์ต่างก็พากันทยอยมายืนรออยู่บริเวณทางเข้า ที่คุ้มขันโตกจะเป็นสถานที่สำหรับจัดแสดงศิลปะวัฒนธรรมในหลายๆ ภาคของประเทศไทย มีอาหารการกินจากทุกภาคให้นักท่องเที่ยได้เลือกรับประทานไปพร้อมๆ กับการนั่งชมการแสดง อาหารจะถูจัดมาเสิร์ฟในรูปแบบของขันโตกแบบทางภาคเหนือ
แสงในบริเวณคุ้มขันโตกมืดเกินไปที่จะใช้กล้องฟูจิในการบันทึกภาพ ภารกิจของเจ้าฟูจิ Instax Square SQ10 จึงได้สิ้นสุดลง คงเหลือเพียงกล้องดิจิตอลและกล้องจากสมาร์ทโฟนเท่านั้นที่ยังคงทำหน้าที่ต่อไป การแสดงบนเวทีผ่านไปหลายชุด โดยใช้เวลาร่วมๆ สองชั่วโมงไปพร้อมๆ กับการนั่งรับประทานอาหารให้อิ่มท้องพอดี เมื่อการแสดงสิ้นสุดลง เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวชาวงจีนก็ได้ไปขอถ่ายรูปร่วมกับนักแสดงเอาไว้เป็นที่ระลึกกันก่อนที่จะเดินทางกลับ พวกเราก็เช่นเดียวกัน เมื่ออิ่มท้องกันแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับที่พักด้วยเช่นกัน
เดินออกมายืนอยู่ทางบริเวณนอกคุ้ม ทั่วทั้งบริเวณถูกปกคุลมไปด้วยท้องฟ้าที่มืดมิด แสงไฟตามจุดต่างๆ ของสถานที่ถูกปิดขึ้นเพื่อสาดส่องไปตามทางเดิน พวกเราพากันเดินตรงออกไปยังซุ้มประตูทางเข้าในครั้งแรก เสียงสัตว์ตัวเล็กๆ ส่งเสียงร้องในยามที่ออกมาหาอาหารกิน ในเวลานี้ทั้งสนุกสนานและทั้งอิ่มท้องไปพร้อมๆ กัน อากาเหนื่อยล้าและง่วงนอนก็เริ่มมีให้เห็น ไม่มีอะไรเดินทางกลับไปยังที่พักจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ณ เวลานี้ เป็นอันว่าสิ้นสุดภารกิจของการท่องเที่ยวในวันนี้ได้อย่างสมบูรณ์และเปี่ยมสุขกันถ้วนหน้าจริงๆ
สำหรับกล้องฟูจิ Instax Squaer SQ10 เป็นกล้องที่ตอบโจทย์ของคนในยุคปัจจุบันที่ต้องการดูภาพในทันทีที่ถ่ายรูปเสร็จ มีโหมดให้ปรับค่าต่างๆ มากมาย มีเอ็ฟเฟ็คให้เลือกลายแบบ จะแต่งก่อนถ่ายรูป หรือจะแต่งในภายหลังก่อนที่จะปริ๊นท์ก็ได้ กล้องตัวนี้ยังมีปุ่มให้เราได้เลือกว่าจะถ่ายรูปแล้วปริ๊นท์ภาพออกมาเลย (โหมดออโต้) หรือโหมดแมนนวล ที่เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้วกล้องมันจะยังไม่ปริ๊นท์ภาพ จนกว่าว่าเราจะกดสั่งคำว่าปริ๊นท์ กล้องมันถึงจะทำงานให้
การสั่งปริ๊นท์ภาพก็มีให้เลือกอยู่ 3 แบบคือ แบบภาพเดี่ยว แบบสี่ภาพ และแบบเก้าภาพ ให้เราได้เลือว่าจะเอาแบบไหน อันนี้ถือว่าเป็ฯลูกเล่นที่สะดวกเอามากๆ ชอบเลย นอกจากจะสั่งปริ๊นท์จากภายในกล้องแล้ว เราก็สามารถจะเซฟรูปถ่ายจากสมาร์ทโฟนหรือจากที่อื่น ด้วยการเซฟใส่ Micro SD Card มาเสียบใส่ในตัวกล้องเพื่อทำการปริ๊นท์ภาพก็ได้อีกด้วย กล้องฟูจิ Instax Square SQ10 จึงเป็นกล้องจากค่ายฟูจิที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความรวดเร็วและเห็นภาพในทันทีได้เป็นอย่างดี
สำหรับกระดาษปริ๊นท์ภาพ หนึ่งกล่องจะมีจำนวน 10 ใบ จำหน่ายในราคาเพียงกล่องละไม่เกินสี่ร้อยบาทเท่านั้นเอง ก็ถือว่าราคาไม่แพงอย่างที่คิด ที่สำคัญ เราสามารถที่จะสั่งปริ๊นท์ภาพให้กับคนที่เราถ่ายได้ทันที เหมาะกับการพกพาไปถ่ายรูปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หรือถ่ายรูปเล่นในงานปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ราคาค่าตัวของกล้องรุ่นนี้ก็อยู่ที่ 9,990 บาทเท่านั้นเอง คุ้มค่ากับการมีไว้ในครอบครองสำหรับพวกที่ชื่นชอบการถ่ายภาพจริงๆ ว่ามั้ย? บอกเลย
ภาพที่ถ่ายด้วย Fuji Instax Square SQ10
…………………………………..
ขอขอบคุณ :-
-
บริษัท เอ็ม จี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อรถยนต์ MG GS 1.5 Turbo ที่เพียบพร้อมไปด้วยสรรถนะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ สนใจทดลองขับได้ที่ โชว์รูมเอ็มจีทั่วประเทศ
-
บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อกล้องฟูจิ Instax Square SQ10 ในการเดินเล่นสร้างภาพในทริปนี้ สนใจสินค้าติดต่อที่เบอร์โทร 02-270-6000
-
ไทธานี หมู่บ้านวัฒนธรรมและศิลปะ พัทยา ที่อำนวยความสะดวกและต้อนรับและพาพวกเราเดินชมบริเวณภายใน รวมไปถึงการเลี้ยงรับรองพวกเราด้วยอาหารมื้อค่ำแบบขันโตก ไทธานีเปิดบริการวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ ตั้งเวลา 11.30 น. ถึงเวลา 20.00 น. ในวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะเปิดเวลา 10.30 น. ถึงเวลา 20.00 น. สนใจติดต่อขอเข้าชมได้ที่เบอร์โทร 094-498-5996