หลังจากทางทีมงานได้ขับทดสอบรถยนต์ MG5 Turbo ไปเที่ยวชมดอกตะเบบูญ่ากันที่จังหวัดสุพรรณบุรีเมื่อไม่นาน ก็ถือว่ายังคงติดใจกับสมรรถนะของรถในตระกูลนี้อยู่อย่างต่อเนื่อง คราวนี้ก็ยังได้มีโอกาสดีๆ ได้ขับรถยนต์จากค่ายเดิมอย่าง MG3 Hatchback ซึ่งถือว่าเป็นน้องเล็กในค่ายไปขับทดสอบกันอีก เดี๋ยวจะเล็กแบบไหน มีพิษสงหรือจะขับและนั่งสนุกอย่างไร ก็ติดตามต่อไปกันได้เรื่อยๆ เลยนะครับ
จากกรุงเทพฯ เราเดินทางด้วยรถยนต์ MG3 Hatchback พื่อมุ่งหน้าไปยังเขาใหญ่ในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวัน ด้วยระยะทาง 152 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ สำหรับรถยนต์ MG3 Hatchback มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTi-Tech 4 สูบ 16 วาล์ว 106 แรงม้า มาพร้อมกับเกียร์ Sele Matic อัตโนมัติ 5 สปีด ในขณะขับสามารถที่จะเปลี่ยนโหมดได้ตามความต้องการ รถคันนี้ประหยัดน้ำมันด้วยระบบวาล์วแปรผันคู่ พร้อมรองรับการเติมน้ำมัน E85 อีกด้วย
เห็นครั้งแรกก็สะดุดตาไปกับสีแดงหลังคาดำ หรือ Ruby Red /Black Top สีแดงของตัวรถดูแล้วให้ความคลาสสิคยิ่งนัก ยิ่งมาเจอกับกับหลังคาที่เป็นสีดำด้วยแล้ว ยิ่งเพิ่มความสวยงามและคลาสสิคมากยิ่งขึ้น นอกเหนือไปจากความคลาสสิค เจ้า MG3 คันนี้ยังติดตั้ง Sunroof มาให้อีกด้วย ยิ่งเท่เข้าไปใหญ่เลย
ในระหว่างการเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ สิ่งที่เราต้องทำและขาดไม่ได้นั่นก็คือ การใช้ระบบโซเชี่ยลที่มีมากับตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงจากเครื่องเสียงด้วยการต่อผ่านสัญญาณบลูทูธเข้าหาตัวเครื่อง นั่งรถไป ก็ฟัเพลงเพลินๆ ไป เครื่องเสียงที่ติดตั้งมากับเจ้า MG3 Hatchback ถือว่าไม่ธรรมดา การเดินทางไปเที่ยวในครั้งนี้ พวกเราวางแผนกันว่าจะไปนอนพักค้างคืนกันก่อนที่พญาเย็นฮิลล์ รีสอร์ท เป็นที่พักที่พวกเราไปใช้บริการกันอยู่บ่อยครั้ง
การเดินทางในวันนั้นถือว่าสะดวกสบายเอามากๆ รถมีจำนวนไม่มากเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่ายังคงเป็นวันธรรมดาก็เป็นได้ สำหรับรถยนต์รุ่นนี้ ลักษณะการขับะเป็นการผสมผสานระหว่างเกียร์ธรรมดากับเกียร์ออโต้ สไตล์ในการออกแบบจะไม่เหมือนรถญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัด และก่อนจะถึงที่พักก็มีแวะติมน้ำมันบ้าง เจ้า MG3 คันนี้ยังสามารถที่จะเติมน้ำมัน E85 ได้ด้วย ซึ่งถือได้ว่าประหยัดในเรื่องของค่าใช่จ่ายอีกด้วย เติมน้ำมันเสร็จก็มีแวะจิบกาแฟอีกเล็กน้อย หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางองวันนี้ นั่นก็คือ พญาเย็นฮิลล์รีสอร์ท ซึ่งพวกเราจะพักค้างคืนกัน และเมื่อเวลา 17.47 น. รถยนต์ MG3 Hatchback ก็เลี้ยวเข้าไปจอดยังที่พักด้วยความเรียบร้อย
หลังจากนอนหลับพักผ่อนเอาแรงกันหนึ่งคืนที่พญาเย็นฮิลล์รีสอร์ท ตื่นขึ้นมาพร้อมกับสูดอากาศอันบริสุทธิ์ ท่ามกลางหมู่แมกไม้อันร่มรื่นเขียวขจี ได้เติมพังงานกันอย่างเต็มเปี่ยมทั้งคนทั้งรถ เช้าวันนี้พวกเราก็จะได้เวลาไปตระเวนขับรถเที่ยวถ่ายรูปกัน สถานที่ที่จะไปนั้น พวกเราสามคนได้คุยกันแล้ว ที่ใกล้ๆ กับเขาใหญ่ มีสถานที่ที่สวยงามและถือว่าเป็นแลนด์มาร์คอันสำคัญ นั่นก็คือ Toscana Valley เขาใหญ่
พวกเราออกเดินทางจากที่พักก็เกือบเที่ยงๆ ได้ จากที่พักเดินทางไปยัง Toscana Valleyใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆ ความเร็วของรถที่วิ่งอยู่ที่ 60-80 กม./ชั่วโมง ในระหว่างการเดินทางที่จะไปยังจุดหมาย ฝนก็โปรยเม็ดลงมาสลับกับแสงของดวงอาทิตย์ ดูแล้วก็ชุ่มชื่นดีเหมือนกัน เจ้า MG3 Hatchback คันนี้ก็ตอบโจทย์ในเรื่องการใช้งานได้เป็นอย่างดี ด้านหลังกว้างขวางไม่แคบจนเกินไป นั่งกันอย่างสบายๆ ไม่อึดอัด สำหรับที่นั่งด้านหน้าซ้ายมือ ผู้โดยสารสามารถที่จะยืดเท้าได้จนสุดเลยทีเดียว ก็เรียกกันกันว่าเกือบจะนอนได้เลยประมาณนั้น
ขับผ่านโค้งซ้ายแลี้ยวขวาและขึ้นเนินบ้าง เจ้าระบบ HAS ก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีในขณะที่รถอยู่บนเนินลาดชัน แม้ในขณะการขับเข้าสู่บริเวณทางโค้ง รถยนต์ MG3 ก็จะมีระบบ CBC ควบคุมการเบรก ที่ทำงานคู่กับระบบควบคุมการทรงตัว SCS ทั้งสองอย่างต่างทำงานประสานกันได้อย่างลงตัว จึงมั่นใจในทุกๆ ครั้งของการขับขี่ในบริเวณทางโค้งได้เป็นอย่างดี
เดินทางมุ่งหน้าสู่ Toscana ขับผ่านเขาใหญ่มุ่งหน่าไปยังเขาแผงม้า สองข้างทางสวยงามมากๆ การบันทึกภาพด้วยความทรงจำจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดระหว่างที่รถกำลังวิ่ง เพลงที่เปิดฟังจากสมาร์ทโฟนที่ต่อผ่านบลูทูธไปยังครื่องเสียงของตัวรถ มันช่างสร้างบรรยากาศในระหว่างการเดินทางไปเที่ยวได้อย่างยอดเยี่ยม จนกระทั่งเวลาประมาณใกล้ๆ เที่ยง รถยนต์ MG3 Hatchback ก็พาเราไปถึงจุดหมายที่ Toscana ท่ามกลางอากาศอันร่มเย็นที่มีเมฆฝนปกคลุม
ทางบริเวณปากทางเข้าที่มีป้ายของ Toscana Valley ทางด้านขวาไกลๆ จะมองเห็นหอเอนที่สร้างค้ายๆ กับหอเอนปิซ่าในประเทศอิตาลี่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ มองเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนต่างก็พากันไปถ่ายรูปกันอยู่เป็นระยะๆ พวกเราขับรถผ่านเข้าไปยังบริเวณด้านในของ Tascana ที่ซึ่งตรงกกลางจะมีต้นปาล์มปลูกขั้นอยู่อย่างสวยงาม จนกระทั่งขับผ่านประตูเพื่อเข้าไปยังบริเวณด้านในของสถานที่
สำหรับผู้ที่ต้องการจะเข้าไปยังด้านใน จะต้องทำการแลกบัตรกับเจ้าหน้าที่ก่อน แลกบัตรเสร็จก็ขับผ่านประตูเข้าไปยังด้านใน สถานที่แห่งนี้มีเนื้อที่กว้างขวางมาก รายล้อมไปด้วยโครงการบ้านพักที่อยู่อาศัยและร้านอาหาร มีมุมให้ถ่ายภาพสวยๆ เยอะเลย อ๋อ! ลืมบอกไปว่า คนที่จะเข้าไปด้านในจะต้องไปรับประทานอาหารเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงจะอนุญาต ก่อนที่จะไปแวะทานอาหารมื้อเที่ยงกัน พวกเราก็เลยขับเจ้า MG3 Hatchback ไปตระเวนสร้างภาพกันก่อน อากาศในวันนี้มันช่างเป็นใจซะเหลือเกิน บางครั้งก็มีฝนตกลงมาปรอยๆ บ้าง บางครั้งก็มีแดดสาดส่องลงมาให้เห็นกันบ้าง
พวกเราไปจอดถ่ายรูปกันอยู่สองสามจุดภายในบริเวณ Toscana Valley รถคันสีแดงเข้มๆ ของ MG3 มันช่างตัดกับสีเขียวของธรรมชาติซะเหลือเกิน ถ่ายออกมายังไงก็เด่นและสวยงาม ยิ่งได้ฉากหลังที่เป็นภูเขาไกลๆ บวกกับอากาศที่ครึ้มๆ ด้วยแล้ว มันช่างสร้างเสริมความสุทนทรีย์ได้เป็นอย่างดี งานสร้างภาพในวันนี้เลยได้ภาพที่ต้องการและเป็นที่ถูกใจทั้งรถทั้งคนเลย
ขับรถ MG3 กลับออกมาทางเดิมบริเวณประตูทางเข้า เห็นเนินสวยๆ วิวดี โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาและอาคารที่สร้างออกแนวยุโรป จะรอให้เสียเวลาไปใย ก็เลี้ยวเข้าไปจอดรถสร้างภาพกันอีกซักหน่อย ก็จุดประสงเรามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะอยู่แล้ว ที่มุมนี้พวกเราเลยได้สร้างภาพกันไปเป็นจำนวนมาก ทั้งภาพเดี่ยว ภาพหมู่ ภาพคู่ รวมไปถึงภาพของรถยนต์ MG Hatchback อีกด้วย
หันไปดูเวลาที่สมาร์ทโฟน เวลานี้ก็เกือบจะบ่ายสองโมงแล้ว สร้างภาพกันจนอิ่มและเป็นที่พอใจก็ได้เวลาเดินทางกลับ ขับรถอย่างช้าๆ เรื่อยๆ มาจนถึงประตูทางเข้าตอนแรก จอดรถใกล้ๆ กับป้อมของเจ้าหน้าที่พร้อมกับทำการแลกบัตรคืน แลกบัตรเสร็จก็ขับผ่านประตูออกไปยังบริเวณปากทางเข้าที่มีป้าย Toscana Valley ที่ตรงนี้ก็เลยได้ลงไปถ่ายรูปสร้างภาพเป็นที่ระลึกกับหอเอนกันอีกตั้งหลายเฟรม ก็สุขใจกันไปสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวกับ MG3 Hatchbackในทริปนี้
สำหรับผู้ที่สนใจในความคลาสสิคของรถยนต์ MG3 Hatchback ก็สามารถไปเยี่ยมชมและทดลองขับกันได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมเอ็มจีทั่วประเทศ อย่าเชื่อจนกว่าว่าจะได้ลองด้วยตัวเอง
